“หมออุดม”ย้ำอีกครั้ง “บิ๊กตู่”สั่งเองให้จัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษา โดยนำการวิจัยมารวม เพราะมหาวิทยาลัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
วันนี้(19 พ.ค.) ศ.นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็น เรื่อง การจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา : โครงสร้าง อำนาจหน้าที่และทิศทางอุดมศึกษาไทยในอนาคต ครั้งที่ 2 ที่โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ ว่า การจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา เป็นนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดำเนินการ เพราะเห็นความสำคัญของมหาวิทยาลัยต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งเวลานี้ร่างพ.ร.บ.กระทรวงการอุดมศึกษา และกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ส่งต่อไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา
"กระบวนการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาเดินมาค่อนทางแล้ว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวการรวมเรื่องงานวิจัยของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาไว้กับอุดมศึกษา เป็นกระทรวงการอุดมศึกษาและวิจัย เนื่องจากรัฐบาลพยายามผลักดันเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ แต่เกิดข้อติดขัดทำงานหลายอย่าง นายกรัฐมนตรี จึงสั่งการขอให้ทบทวนและให้นำการวิจัยมารวมไว้กับกระทรวงการอุดมศึกษา เพราะงานวิจัย 70-80% อยู่ในมหาวิทยาลัย ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่แนวคิดใหม่เราคิดตั้งแต่ร่างพ.ร.บ.การอุดมฯ แต่เพราะมีข้อจำกัดเรื่องของเวลาจึงดำเนินการแค่ส่วนของกระทรวงการอุดมศึกษาก่อน และที่ผ่านมาทั้ง กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงวิทย์ ได้หารือและเห็นตรงกันว่าควรรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก เป็นการเสริมพลังจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ" ศ.นพ.อุดม กล่าว
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรียังได้มอบให้นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ ดูแลเรื่องนี้ ซึ่งจากการหารือ นายกอบศักดิ์ มองว่าดำเนินการได้ทันโดยอาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน สำหรับเรื่องชื่อของกระทรวงจะมีคำว่า "อุดมศึกษา" หรือ "วิจัย" ขึ้นก่อนนั้น มองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ และการรวมกันก็ไม่ได้ทำให้วิสัยทัศน์ที่วางไว้เปลี่ยนไป ส่วนการรวมกันจะทำให้เกิดแรงต้านจากคนภายในกระทรวงวิทย์ หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ จะสร้างความเข้าใจ แต่ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) นั้นก็ได้มีการทำความเข้าใจกันแล้ว เช่นครั้งนี้ก็ได้ชี้แจงกับบุคลากรตั้งแต่ระดับ 3-7 ประมาณ 300 คนเพราะบุคลากรของ สกอ.จะเป็นกำลังในการสนับสนุนมหาวิทยาลัยต่อไปเมื่อการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาเกิดขึ้น
ศ.นพ.อุดม กล่าวอีกว่า สำหรับแนวคิดหลักในการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา จะเป็นกระทรวงเล็กที่มีความคล่องตัว สนับสนุนส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยทำงานได้ประสบความสำเร็จ มีความอิสระในการบริหารจัดการ แต่ก็ยังควบคุมน้อยๆ เพื่อเข้าดูแลบางกรณีที่เกิดปัญหา ขณะเดียวกัน กระทรวงการอุดมศึกษา จะทำหน้าที่เชื่อมโยงมหาวิทยาลัยเพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติซึ่งรัฐบาลได้มีการกำหนดแผนและยุทธศาสตร์ชัดเจน และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง เชื่อมโยงกับกระทรวงต่างๆ ภาคเอกชน อุตสาหกรรม และประชาชน นอกจากนี้ มีหน้าที่สนับสนุนให้มหาวิทยาลัย สร้างงานวิจัย สร้างนวัตกรรมเพื่อประโยชน์เองในประเทศ เป็นการพึ่งพาตนเองและลดการนำเข้า ตลอดจนมีหน้าที่ประสานงานจัดงบประมาณ ซึ่งมหาวิทยาลัยต้องตอบโจทย์การทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติ ความต้องการของพื้นที่ เช่น โครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ เพื่อสร้างนักเทคโนโลยี ก็มีการจัดสรรงบเพิ่มดำเนินการประมาณหัวละ 120,000-150,000 บาท เป็นต้น แต่ถ้ามหาวิทยาลัยผลิตไม่ตอบโจทย์ทำงานรูทีนก็ต้องไปหาเงินเอง และที่สำคัญกระทรวงการอุดมศึกษา จะเป็นหน่วยงานวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศในอนาคตด้วย
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2561