รมว.ศึกษาธิการ ถก ธนาคารออมสิน ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย บรรลุข้อตกลง โดยเงินที่หักจากโครงการ ช.พ.ค. 2-7 จำนวน 0.5-1% เป็นค่าบริหารจัดการให้แก่ สกสค.นั้น สกสค.จะไม่รับ ซึ่งจะให้ธนาคารออมสินนำมาใช้เพื่อเป็นการลดดอกเบี้ยให้แก่ครูที่มีประวัติวินัยการชำระเงินที่ดี คาดเดือน เม.ย.นี้จับมือบันทึกข้อตกลงใหม่มีผลบังคับใช้ทันที
วันนี้ (13 มี.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกับนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้เจรจาถึงข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูในโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ตั้งแต่โครงการ 2-7 รวมกว่า 475,000 บัญชี มูลหนี้กว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งการเจรจาได้บรรลุข้อตกลงและจะมีผลทันทีเมื่อสกสค.และธนาคารออมสินลงนามบันทึกความร่วมมือ โดยธนาคารออมสินตกลงกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่า เงินที่หักจากโครงการ ช.พ.ค.ตั้งแต่โครงการที่ 2-7 จำนวน 0.5-1% เป็นค่าบริหารจัดการให้แก่ สกสค.นั้น สกสค.จะไม่รับ ซึ่งจะให้ธนาคารออมสินนำมาใช้เพื่อเป็นการลดดอกเบี้ยให้แก่ครูที่มีประวัติวินัยการชำระเงินที่ดี
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนเงินค่าบริหารจัดการกองทุนโครงการเงินกู้ ช.พ.ค.ที่ทางธนาคารออมสินได้หักจากบัญชีสำนักงานสกสค.ไปกว่า 10,000 ล้านบาทนั้น โดยเงินจำนวนดังกล่าวยังถือเป็นเงินของ สกสค. ซึ่งธนาคารออมสิน จะจ่ายเงินก้อนดังกล่าวคืนหรือไม่อย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องมาหารือกันต่อไป เพราะถือว่าเป็นเรื่องปลีกย่อยที่ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อว่าคงไม่ถึงขั้นต้องไปฟ้องร้องกัน ซึ่งเชื่อว่าจะได้ข้อยุติ ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการทำประชีวิตของผู้กู้เงินในโครงการดังกล่าว ซึ่งจะมีครูบางส่วนที่ทำประกันชีวิตครบ 9 ปีตามสัญญาแล้วและจะต้องมีการทำต่อทำประกันชีวิตใหม่ หลายคนมองว่า การทำประกันชีวิตมีราคาสูงเกินไป โดยตนไม่ได้เพิกเฉยหรือมองข้ามสิ่งที่ครูได้สะท้อนมา และจะต้องมีการพูดคุยในรายละเอียดกับธาคารออมสินอีกครั้ง
“เรื่องนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ในการบรรลุข้อตกลง เพราะหลังจากที่ได้รับฟังข้อมูลจากธนาคารออมสินและธนาคารแห่งประเทศไทยก็ทำให้เราเข้าใจธนาคารออมสินมากขึ้นว่า เป็นผู้ที่แบกรับความเสี่ยงจากเงินกู้ดังกล่าวมากพอสมควร ซึ่งการที่ธนาคารออมสินได้เห็นชอบปรับลดดอกเบี้ยผู้กู้ในครั้งนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชม เพราะครูจะได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง” รมว.ศธ.กล่าวและว่า ทั้งนี้สกสค.และธนาคารออมสินจะลงนามความร่วมมือในข้อตกลงใหม่ภายในเดือนมีนาคมนี้ และจะมีผลทันทีเดือนเมษายน
ด้าน นายชาติชาย กล่าวว่า เมื่อมีการทำบันทึกข้อตกลงจะมีครูที่ได้รับประโยชน์จากข้อตกลงนี้ประมาณ400,000 คน เช่น ครูกู้เงินในจำนวน 1 ล้านบาท จากปกติต้องจ่ายดอกเบี้ย 5% เท่ากับจ่ายดอกเบี้ยเดือนนละ 5,000 บาท เมื่อได้ลด 1% จะจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 4,000 บาทต่อเดือน ซึ่งหากเงินจำนวน 1,000 บาทไม่ได้นำไปทำอะไรก็จะนำไปลดเงินต้นให้ แต่ถ้าครูรายไหนอยากผ่อนน้อยลงตามอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงก็ต้องไปทำสัญญาเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกับธนาคารออมสิน แต่ถ้าไม่ได้ทำอะไรเงินที่ชำระเท่าเดิมก็ไปชำระเงินต้นมากขึ้น
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันอังคารที่ 13 มีนาคม 2561