ศธ.ชะลอกู้แก้หนี้ครูขั้นวิกฤต 1000 ล้าน หลังพบขัดระเบียบ
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนเสนอให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาชะลอโครงการจัดสรรสวัสดิการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา ที่เป็นสมาชิกโครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) หรือโครงการแก้หนี้ครูทั้งระบบ ซึ่งเริ่มดำเนินการไปเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า การดำเนินโครงการดังกล่าว มีการออกระเบียบเพื่อรองรับการดำเนินการ และพบว่ามีการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับระเบียบที่สำนักงาน สกสค.กำหนด เช่น ระเบียบกำหนดระยะเวลาการชำระเงินกู้ไม่เกิน 400 งวด แต่พบว่า มี 1 รายกำหนดระยะเวลาการชำระเงิน 519 งวด ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วหากรายนี้ผ่อนชำระครบตามอายุสัญญาแล้ว ผู้กู้จะมีอายุถึง 126 ปี อีกราย ทำสัญญาให้ผ่อนชำระ 427 งวด ซึ่งรายนี้ถ้าผ่อนชำระครบตามสัญญาจะมีอายุครบ 97 ปี
นายพินิจศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม นอกจากกำหนดสัญญาการผ่อนชำระเกินกว่าที่ระเบียบกำหนดแล้ว ทางสำนักงาน สกสค.ยังเห็นว่า การปล่อยกู้ควรคำนึงด้วยว่า คู่สัญญาควรจะมีอายุอยู่ครบตามสัญญาที่กำหนดด้วย ขณะเดียวกัน หลักประกันของผู้กู้ไม่สอดคล้องกับระเบียบที่กำหนดว่า หลักทรัพย์ที่สามารถใช้ค้ำประกันได้คือ เป็นบ้าน ที่ดิน ประกันชีวิต และเงินสงเคราะห์ ช.พ.ค.-ช.พ.ส. รวมทั้งต้องมีบุคคลค้ำประกันด้วย แต่จากการตรวจสอบพบว่า บางรายมีปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ รวมถึงยังไม่มีการจดทะเบียนจำนองตามระเบียบ ขณะที่บางรายทำประกันชีวิตแบบปีต่อปี ซึ่งไม่ครอบคลุมอายุสัญญากู้อาจจะทำให้หลักประกันขาดความน่าเชื่อถือ หรือขาดความมั่นคงตลอดอายุสัญญา
ปฎิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. กล่าวอีกว่า ในช่วงแรกทางโครงการได้ขออนุมัติวงเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการ ช.พ.ค. ไปจำนวน 1,000 ล้านบาท และได้ลงนามข้อตกลงร่วมหรือเอ็มโอยู กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจำนวน 53 จังหวัด คัดเลือกครูที่มีหนี้วิกฤตเข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 12 ราย โอนเงินไปให้สหกรณ์ออมทรัพย์เพื่ออนุมัติการกู้ยืมและทำสัญญาแล้ว 4 ราย วงเงินตั้งแต่ 1-7 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อทางสำนักงานตรวจสอบแล้วพบว่า การดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดการกู้บางรายมีวงเงินสูงมากส่งผลถึงจำนวนงวดที่ชำระคืนที่ต้องเพิ่มมากขึ้น ทำให้ขัดระเบียบ อาจเป็นภาระกับสำนักงาน สกสค.ในเรื่องประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ จึงต้องเสนอให้ นพ.ธีระเกียรติ ชะลอโครงการดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อทบทวนระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้รัดกุม เหมาะสม ซึ่ง นพ.ธีระเกียรติ ก็เห็นชอบตามที่สำนักงาน สกสค.เสนอ ส่วนจะยกเลิกโครงการนี้หรือไม่นั้น ตนไม่สามารถบอกได้ แต่หากไม่สามารถดำเนินโครงการต่อได้จริง ทางสำนักงาน สกสค. จะหาแนวทางดูแลคุณภาพชีวิตครูรูปแบบอื่น ซึ่งจะต้องพิจารณาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อครูและบุคลากรทางการศึกษา ส่วน 4 รายที่อนุมัติเงินกู้ไปแล้วนั้น เบื้องต้นไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะมีการโอนเงินกู้เรียบร้อยแล้ว