สถานี ก.ค.ศ.
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ถูกฟ้องคดีอาญาและศาลอุทธรณ์พิจารณาให้ลงโทษจำคุก จะมีผลต่อการเลื่อนเงินเดือนอย่างไร
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้สนใจทุกท่าน ในสัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กรณีถูกฟ้องคดีอาญาและศาลอุทธรณ์พิจารณาให้ลงโทษจำคุก มาบอกกล่าวให้กับทุกท่านเพื่อเป็นความรู้ ดังนี้
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีหนังสือมายังสำนักงาน ก.ค.ศ.ขอหารือกรณีการสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ซึ่งถูกฟ้องคดีอาญา ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2557 ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2559 ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำคุก โดยในระหว่างที่ข้าราชการครูรายดังกล่าวถูกฟ้องคดีอาญา ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนมิได้สั่งให้รอการเลื่อนขั้นเงินเดือนไว้ตั้งแต่วันที่ศาลประทับรับฟ้อง จึงขอหารือว่า การเลื่อนขั้นเงินเดือนระหว่างที่ถูกฟ้องคดีอาญาตั้งแต่รอบการประเมินครั้งที่ 2 ครึ่งปีหลัง (1 เมษายน 2557 – 30 กันยายน 2557) จนถึงรอบการประเมินครั้งที่ 1 ครึ่งปีแรก (1 ตุลาคม 2558 –31 มีนาคม 2559) จะต้องเรียกเงินคืนจากข้าราชการครูรายดังกล่าวหรือไม่
สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้นำเรื่องนี้เสนอต่อ อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งทำการแทน ก.ค.ศ. ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติว่า การที่ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนมิได้มีคำสั่งให้รอการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาราย ดังกล่าว ตั้งแต่รอบ 1 ตุลาคม 2557 ซึ่งอยู่ในระหว่างถูกฟ้องคดีอาญา นั้น แม้จะไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน ข้อ 13 ของกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการขั้นเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2550 แต่เนื่องจากกรณีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง จึงไม่มีเหตุที่ต้องสั่งงดการเลื่อนขั้นเงินเดือน ตามข้อ 13 (2) ของกฎ ก.ค.ศ. ดังกล่าว จึงไม่ต้องเรียกเงินในรอบนี้คืน ส่วนการสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน รอบ 1 เมษายน 2558 และรอบ 1 ตุลาคม 2558 เนื่องจากไม่มีเหตุที่ต้องสั่งงดการเลื่อนขั้นเงินเดือน ตามข้อ 6 (2) ของกฎ ก.ค.ศ. ดังกล่าว หากไม่มีเหตุต้องห้ามในการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีอื่น ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกเงินในรอบดังกล่าวคืน ส่วนการสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนรอบ 1 เมษายน 2559 นั้น เนื่องจากในครึ่งปีที่แล้วมาข้าราชการครูรายดังกล่าว ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาในคดีอาญาให้ลงโทษจำคุก จึงเป็นกรณีต้องงดเลื่อนขั้นเงินเดือน ตามข้อ 6 (2) ของกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือนฯ ดังกล่าว จึงต้องเรียกเงินในรอบนี้คืน
หวังว่ากรณีตัวอย่างที่นำมาให้ความรู้ในวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน และหากมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สามารถสอบถามเข้ามายังสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2280 2835ในวันและเวลาราชการ
พินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
เผยแพร่ทางคอลัมน์ “สถานี ก.ค.ศ.” หนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 18 ธันวาคม 2560
ที่มา สำนักงาน ก.ค.ศ. วันที่ 18 ธันวาคม 2560