รมว.ศึกษาธิการ เล็งทบทวนเงินอุดหนุนรายหัวเด็กทั้งระบบ ชี้ต้นทุนการพัฒนาเด็กเราต้องไม่คิดเฉพาะเงินอุดหนุนอย่างเดียว แต่ต้องคิดส่วนอื่นด้วย
วันนี้ (14 ธ.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียน ที่ปัจจุบันเป็นระบบได้เท่ากันทั้งหมดตามจำนวนนักเรียน ส่งผลให้โรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อยพัฒนาได้ยาก ซึ่งถ้าจะยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กก็ต้องขอเพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนใหม่ ว่า เรื่องนี้ต้องดูทั้งระบบไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กเท่านั้น แต่ต้องดูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)ด้วย เพราะการให้เงินอุดหนุนตามตัวเด็กปัจจุบัน ใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ เดือนสองเดือนก็หมดแล้ว ซึ่งต้นทุนการพัฒนาเด็กเราต้องไม่คิดเฉพาะเงินอุดหนุนอย่างเดียว แต่ต้องคิดส่วนอื่นด้วย
ด้านนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ลงไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนในพื้นที่ต่าง ๆ พบว่า ที่อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ยังมีโรงเรียนกระจายอยู่ตามหย่อมบ้าน หรือโรงเรียนสาขาที่อยู่ตามหุบเขาไม่สามารถออกไปไหนได้ ครูจะต้องเดินไปทางเข้าไปสอนเด็กเอง ซึ่งมีนักเรียนหมู่บ้านละ 10-20 คน ประมาณ 6-7 หมู่บ้าน ซึ่งถ้าโรงเรียนเหล่านี้รวมตัวกันก็จะเป็นโรงเรียนขนาดกลาง แต่ไม่ได้รับเงินท้อบอัพ เรื่องนี้ต้องนำมาทบทวน และนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เพราะยังมีโรงเรียนสาขาเหล่านี้อยู่พอสมควร เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องจะขอทบทวนการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียน เพื่อพัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็กนั้น ส่วนตัวที่คิดไว้ก็คือต้องแยกค่าสาธารณูปโภค เช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ออกจากค่าพัฒนาการศึกษา เพราะการพัฒนาการศึกษาจะต้องถึงตัวเด็กจริง ๆ ซึ่งจะขอทบทวนเงินอุดหนุนรายหัวเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 15,000 กว่าโรงเรียน ส่วนโรงเรียนขนาดใหญ่ก็ให้จัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้ก็จะนำเข้าหารือในที่ประชุมกพฐ.ด้วย ก่อนที่จะเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการพิจารณาต่อไป.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม 2560 เวลา 16.36 น.