“One Young World 2017” หนุนพลังคนรุ่นใหม่ “ขับเคลื่อนโลกไปสู่ความยั่งยืน” ใช้พลัง “จินตนาการ” ผสาน “เทคโนโลยี” สร้างโลกใหม่ที่ดีกว่า เริ่มต้นได้ที่ตัวเราเอง
“เราเชื่อมั่นว่าพวกคุณทุกคนจะสร้างโลกที่ดีขึ้น และมีสันติภาพมากขึ้นสำหรับมวลมนุษย์ชาติ จงใช้พลังอันยิ่งใหญ่ ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และความมุ่งมั่นที่มี ก้าวแรกอาจเริ่มที่ระดับบุคคล แต่ก้าวเล็กๆ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและอนาคตที่ดีขึ้น” เป็นคำกล่าวของ “โคฟี อันนัน” อดีตเลขาธิการสหประชาติชาติ ต่อหน้าผู้นำเยาวชนกว่า 1,500 คนจากทั่วโลก ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนคนรุ่นใหม่ “One Young World Summit 2017” ณ กรุงโบโกตา สาธารณรัฐโคลอมเบีย เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
โดย “เครือเจริญโภคภัณฑ์” ภายใต้โครงการ “ซีพี สานฝัน ปันโอกาสสู่ผู้นำรุ่นใหม่” ได้สนับสนุนผู้นำรุ่นใหม่จากกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์จำนวน 15 คน และผู้นำเยาวชนจากองค์กรภายนอกอีก 5 คน รวม 20 คน เป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “คิดเปลี่ยนโลก เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงใน 5 ประเด็นปัญหาสำคัญของโลกในขณะนี้ได้แก่ 1.ความยากจน 2.การศึกษา 3.สันติภาพและความปรองดอง 4.ความเป็นผู้นำ และ 5.สิ่งแวดล้อม ที่สอดคล้องกับนโยบายและความมุ่งมั่นของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการพัฒนาทั้งธุรกิจและสังคมไทยให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ภายใต้ค่านิยม 3 ประโยชน์คือ เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน และเพื่อองค์กร
“สุทธิณี ชุมนุมพร” จาก บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย)จำกัด หนึ่งในตัวแทนประเทศไทยบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนระดับโลกว่า นอกจากจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ให้เกิดขึ้นในสังคมโลกใบนี้แล้ว ยังทำให้เกิดความมั่นใจว่าเยาวชนและคนรุ่นใหม่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความเป็นผู้นำอยู่ในตัวของตนเอง
“เวทีนี้เป็นเสมือนการให้กำลังใจกับคนที่ทำงานอยู่ให้เดินหน้าต่อไป ส่วนคนที่ยังไม่มีทิศทางก็จะมองเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะทุกคนมีความดี มีความสามารถ มีทักษะหลายๆ ด้านอยู่ในตัว แล้วก็มีความคิดที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น แม้ว่าในตอนนี้เราอาจจะยังไม่ได้มีบทบาทในการเข้ามาเป็นผู้นำในหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ อย่างแท้จริง แต่ในความเป็นจริงทุกๆ คนมีความเป็นผู้นำอยู่ในตัวอยู่แล้ว ซึ่งการเป็นผู้นำนั้น เริ่มต้นได้ตั้งแต่ตอนนี้ วันนี้ เราสามารถทำและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เลยไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม”
“ชนิสา นิลจินดา” จาก บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าว่าเดิมมีความสนใจในเรื่องปัญหาความยากจนและสิ่งแวดล้อม แต่ภายหลังการเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้กลับพบว่าปัญหาทั้ง 5 ด้านที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้นล้วนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันจนไม่สามารถที่จะแยกออกจากกันได้ เป็นเรื่องหรือปัญหาที่มองแบบแยกส่วนหรือต่างคนต่างแก้ไม่ได้ เพราะทั้งหมดมีส่วนช่วยหนุนเสริมและเชื่อมโยงกัน
“ปัญหาของโลกทั้ง 5 ข้อนั้นแยกออกจากกันได้ยาก เพราะว่าการที่เราจะกำจัดความยากจนให้หมดไปได้นั้น มันเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของการทำในทุกๆ เรื่องรวมกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องผ่านจากการที่เราจะต้องมีผู้นำที่ดี ต้องมีระบบการเมืองที่ดี ไม่มีปัญหาเรื่องของการคอรัปชั่น แล้วก็จะต้องมีระบบการศึกษาที่มีความเข้มแข็ง เพราะว่าการศึกษาไม่ได้เป็นเรื่องของวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่สามารถเชื่อมโยงไปเป็นการศึกษาเพื่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วย ทำอย่างไรให้คนในสังคมทุกระดับมีความตระหนัก มีความรู้ความเข้าใจในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะว่าถ้าเขาไม่มีและไม่รู้ ก็จะไม่เกิดการแก้ปัญหาเกิดขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือน้ำท่วมในกรุงเทพฯที่มีขยะลอยขึ้นมา เราโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเราเอง เพราะเราไม่เคยตระหนักว่าไม่ควรที่จะไปทิ้งตั้งแต่ต้น”
ด้าน “อาซีลา ดอรอแต” จากสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้(กลุ่มลูกเหรียง) ที่ได้รับเกียรติให้ขึ้นไปบอกเล่าถึงแนวทางการสร้างสันติภาพในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วยการใช้ความรักและความเมตตาว่า ปัญหาความขัดแย้งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยความรุนแรง แต่สันติภาพจะต้องใช้ความเข้าใจ และใช้หลักมนุษยธรรมเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการสร้างสันติภาพและความปรองดอง
“เราสามารถสร้างสันติภาพได้ด้วยการร่วมมือกัน จงอย่าสูญสิ้นความหวัง ความหวังที่จะมีอนาคตที่สันติสุข พวกเราผู้แทนเยาวชน One Young World ทุกคนขอจงร่วมมือกันใช้โอกาสนี้ร่วมกันออกแบบอนาคตของโลกที่จะไม่มีเยาวชนต้องสูญเสียครอบครัวไปกับความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป”
ซึ่งข้อสรุปจากตัวแทนประเทศไทยทั้ง 3 คน สอดคล้องกับหัวใจสำคัญของการประชุมในครั้งนี้คือ การปลูกฝังแนวคิดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในสองประเด็นที่สำคัญก็คือ การสร้างความเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำที่อยู่ในตัวของทุกๆ คนที่จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ และความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำในสิ่งที่ดีต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อ เฉกเช่นเดียวกับความพยายามในการสร้างสันติภาพและยุติปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสาธารณรัฐโคลอมเบียมาอย่างยาวนาน
“สาธารณรัฐโคลอมเบียได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความพยายามในการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ด้วยการยุติปัญหาความขัดแย้งซึ่งมีมายาวนานกว่า ที่ใครๆ ต่างก็คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งหัวใจและแนวทางของการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในโคลอมเบียก็คือ การพยายามเอาความเกลียดชังที่บังตาเราทุกคนอยู่ออกไปเพื่อให้พวกเราทุกคนมองเห็นกันด้วยความรัก สิ่งที่สำคัญคืออย่าท้อ และอย่าหยุดที่จะพยายาม ผมใช้เวลานานกว่า 6 ปีทำในสิ่งต่างๆ โดยไม่เคยละทิ้งความพยายามเลยแม้แต่ครั้งเดียว และขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ทำให้ผมมุ่งมั่นที่จะทำงานนี้ต่อไป เพื่อเยาวชนทุกคนในโคลอมเบียจะได้มีสันติภาพที่แท้จริง” เป็นคำยืนยันจาก “ฆวัน มานูเอล ซานโตส” ประธานาธิบดีสาธารณรัฐโคลอมเบีย ผู้ที่ได้รับรางวันโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปีที่ผ่านมา จากการทำงานเพื่อยุติความขัดแย้งต่างๆ ที่มีมายาวนานกว่า 50 ปีในประเทศของตนเอง
“สิ่งที่ประทับใจคือผู้นำทุกคนที่ออกมาพูด จะกล่าวไปในทิศทางเดียวกันคือ เราทุกคนสามารถที่จะเป็นผู้นำและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดได้ ขอเพียงอย่าท้อถอยง่ายๆ และอย่าละทิ้งความพยายาม เพราะไม่มีอะไรที่ทำเพียงครั้งเดียวแล้วจะประสบความสำเร็จ เราต้องพยายามหาคนที่มีความสนใจเหมือนกับเรามาร่วมกันสร้างพลัง
เพื่อที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพราะการทำงานถ้าพูดถึงความยั่งยืน บางทีก็เป็นเรื่องนามธรรมและไม่อาจที่จะเห็นผลในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นขอให้เราเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำและอย่ายอมแพ้” ชนิสา นิลจินดา ระบุ
ด้านศิลปินและผู้ก่อตั้งองค์กร Live Aid “บ๊อบ เกลดอฟ” ได้ร่วมสร้างแรงบันดาลใจและฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่จากทั่วโลกว่า “เกอเธ่ กวีชาวเยอรมันกล่าวไว้ว่า...อะไรที่คุณสามารถทำได้หรือฝันว่าคุณทำได้ จงเริ่มทำ ความกล้าหาญคือพลังอันอัจฉริยะและสิ่งวิเศษที่อยู่ในตัวของคนทุกคน ดังนั้นคุณสุภาพสตรีและคุณสุภาพบุรุษ คุณทุกคนมีพลังและโลกต้องการสิ่งที่วิเศษในตัวของคุณเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง”
นอกจากนี้ “มูฮัมหมัด ยูนูส” ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ยังกล่าวย้ำเพื่อแสดงความมั่นใจในตัวของคนรุ่นใหม่ในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้นว่า “พวกคุณคือคนรุ่นที่มีพลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ เพราะคุณเข้ามาอยู่ในโลกใบนี้พร้อมกับพลังของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในมือ ซึ่งไม่เคยมีคนรุ่นไหนมีมาก่อน หากคุณลงมือทำโดยใช้พลังของเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ ที่มีอยู่ของทุกๆ คน เราจะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่อยู่รอบตัวของเราได้”
ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงกับคำกล่าวของ “นายศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ได้ให้ข้อคิดและคำแนะนำกับคนรุ่นใหม่ตัวแทนประเทศไทยก่อนที่จะเดินทางไปร่วมประชุมในเวที One Young World ว่า “การเปลี่ยนแปลงนั้นสามารถเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในทันที แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะต้องไม่ละความสนใจที่จะทำให้ส่วนร่วมดีขึ้นด้วย”
อนาคตของโลกใบนี้จึงต้องฝากไว้ที่พลังของคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืน!