Advertisement
อาหารเสริมที่คุณควรจะสนใจ
นม (MILK)
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว หรือวัยผู้ใหญ่ จนถึงวัยสูงอายุ คุณยังคงที่จะต้องการ "นม" เสมอเพื่อร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ในน้ำนมนั้นล้วนแต่มีคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ ไขมัน และโดยเฉพาะ "โปรตีน" การเก็บรักษา "นม" ให้มีคุณค่าแท้ๆ ก็คือการเก็บไว้ในอุณหภูมิประมาณ 4 องศาเซลเซียส หรือในส่วนที่เย็นจัดของตู้เย็นของคุณนั่นเอง
น้ำมันตับปลา (COD LIVER OIL)
ตอนเด็กๆ เรามักจะถูกบังคับให้กินน้ำมันตับปลาเป็นอาหารเสริม แต่แท้ที่จริงแล้วทุกวัยสามารถกินน้ำมันตับปลาได้เช่นกัน เพราะน้ำมันตับปลานั้นก็มีวิตามินบี5 วิตามินเอ วิตามินดี และมีวิตามินอี โดยเฉพาะมี DHA อันเป็นตัวเอกที่จะทำให้การเผาผลาญในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ชวยให้คนอ่อนแรงผอมแห้งมีพลังขึ้นมาได้อย่างแข็งแรงทีเดียว
เห็ดหอม (SHI TA KE)
เห็ดหอมอุดมด้วยวิตามินดี และวิตามินบี1, บี2 คุณคงจะได้ยินอยู่เสมอว่าเห็ดหอมนี่แหละเป็นยาบำรุงกำลังชั้นยอด ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะเห็ดหอมสามารถต้านเชื้อไวรัสได้นานาชนิด และยังให้ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงแก่ร่างกายอีกด้วย สรรพคุณของเห็ดหอมนั้นมีมหาศาล ตั้งแต่ช่วยชะลอความแก่ ช่วยต้านมะเร็ง ทำให้กระเพาะอาหารทำงานดีเยี่ยม ไม่ท้องผูก บรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยรักษาโรคหอบหืด ความดัน ไอ เครียด และบำรุงสมอง
กระเทียม (GARLIC)
โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแก่ ไขมัน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โปตัสเซียม วิตามินซี วิตามินบี1, บี2, บี3 และวิตามินเอ สารอาหารสำคัญๆ ทั้งหมดนี้ ล้วนมีอยู่ในกระเทียมทั้งสิ้น สรรพคุณของกระเทียมนั้นเชื่อกันว่าเป็นเสมือนยารักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจได้ และยังบำบัดอาการอักเสบต่างๆ ได้ชะงัดอีกด้วย กระเทียมเป็นสมุนไพรที่เสมือนยาปฏิชีวนะ ถ้าคุณกินกระเทียมสม่ำเสมอก็จะไม่มีปัญหาในด้านระบบหายใจ ความดันและความเครียด ซึ่งปัจจุบันก็มี "น้ำมันกระเทียม" ที่ผลิตออกมาในรูปแคปซูล อันกำลังเป็นที่นิยมมากในยุโรปและอเมริกา เพราะกินง่ายและยังไม่ต้องกังวลเรื่อง "กลิ่นปาก" อีกต่างหาก
คลอโรฟีล (CHLOROPHYLL)
ผักต่างๆ คือแหล่งคลอโรฟีลที่เยี่ยมที่สุด โดยเฉาะอย่างยิ่ง ผักที่มีสีเขียวจัดๆ นั่นเอง คลอโรฟีลนั้นรวมธาตุสำคัญๆ ไว้มากมายมหาศาล อาทิเช่น เกลือแร่ วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินบีรวม วิตามินบี5 เอ็นไซม์ เบต้าแคโรทีน แพนโทเธ็นนิค แอซิค เหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง กรดต่างๆ และคลอโรฟีลจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ลำไส้ กระเพาะอาหาร ทำความสะอาดเหงือกและฟัน ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง แกร่ง อืด ชะลอความแก่ คือ ยืดอายุเซลล์ต่างๆ ในร่างกายช่วยขับพิษต่างๆ ทำให้โลหิตมีสีแดง บำบัดอาการข้ออักเสบ แก้อาการปวดหัว ท้องผูก เครียด และยังบำรุงเส้นผมอีกด้วย
ไฟเบอร์ (FIBER)
ไฟเบอร์ก็คือกากใยที่มีอยู่ในผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด มันฝรั่ง และธัญพืชต่างๆ ถ้าคุณกินไฟเบอร์มากๆ คุณจะไม่ต้องพบกับโรคริดสีดวง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันต่างๆ ตลอดจนโรคอ้วนอีกด้วย มีการบันทึกสถิติโลกไว้ว่าผู้ที่มีอายุยืนและแข็งแรงนั้นมักกินอาหารเสริมที่มีไฟเบอร์มากๆ นั่นเอง
รำข้าว (RICE BRAN)
ในรำข้าวมีสารอาหารมากมายมหาศาล เป็นต้นว่า วิตามินบี1, บี2, บี3, บี5, บี6 วิตามินเอ กรดโฟลิค โซเดียม โปตัสเซียม แคลเซี่ยม แมกนีเซียม ทองแดง สังกะสี กำมะถัน คลอไรด์ ฟอสฟอรัส คุณสามารถกินรำข้าวจากแหล่งใดก็ได้ เช่น จากข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต และข้าวจ้าว เป็นที่ยอมรับกันมากกว่ารำข้าวคืออาหารเสริมเพิ่มพลังตัวเอกตัวหนึ่งเช่นกัน ถ้าคุณรู้สึกว่าจะกินไม่ได้ง่ายนัก ก็ลองผสมรำข้าวในนมสดหรือไข่เจียวก็ได้ คุณประโยชน์ของรำข้าวมีมากมายเป็นต้นว่า ป้องกันมะเร็งที่ลำไส้ ช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปได้ดีทีเดียว
โยเกิร์ต (YOGURT)
ถ้าคุณกินโยเกิร์ตเป็นประจำอยู่แล้วก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะในโยเกิร์ตอุดมด้วย วิตามินบี1, บี2, บี3, บี6 และบี12 อีกทั้งยังมีวิตามินอี วิตามินดี วิตามินเอ และแคโรทีน โยเกิร์ตนั้นสามารถสังเคราะห์แบคทีเรียชนิดที่มีประโยชน์ต่อลำไส้และสามารถฆ่าแบคทีเรียชนิดที่จะทำร้ายร่างกายได้ในขณะเดียวกัน กินโยเกิร์ตมากๆ รับรองว่าคุณจะไม่อ้วนแน่นอน ท้องก็ไม่ผูกทำให้ร่างกายคึกคักกระปรี้กระเปร่า เส้นผมแข็งแรง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และทำให้แข็งแรง มีความต้านทานโรคสูงมาก
น้ำผึ้ง (HONEY)
คุณคงตระหนักดีมานานแล้วว่า น้ำผึ้งนั้นเป็นอาหารเสริมสุดเยี่ยมที่คนไทยเราก็นิยมกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว น้ำผึ้งมีสรรพคุณทางยาอายุวัฒนะสูงและยังบำรุงกำลังได้ดีนัก ในน้ำผึ้งมีเกลือแร่ เช่น เหล็ก ทองแดง แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส กำมะถัน คลอรีน ซิลิคอน แมงกานีส โบรมีน โซเดียม และยังมีไบโอติน ตลอดจนวิตามินต่างๆ โปรตีน คาร์โบไฮเดรตก็มีด้วยเช่นกัน
นมผึ้ง (ROYAL JELLY)
คนไทยเราก็นิยมกินนมผึ้งเช่นกันในหลายปีที่ผ่านมานี้ แต่ส่วนใหญ่จะกินเพื่อชะลอความแก่ เสริมความงาม ซึ่งความจริงแล้วนมผึ้งยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและไม่เครียดอีกด้วย การกินนมผึ้งที่ผลิตออกมาในรูปแคปซูลควรระวังเรื่องของอายุของอาหารเสริมกล่องนั้นด้วยเป็นสำคัญ
โฮลวีท (WHOLE WHEAT)
ในโฮลวีท มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ไฟเบอร์ และเกลือแร่ อย่างเช่น เหล็ก โซเดียม โปตัสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ขนมปังโฮลวีน หรือแป้งโฮลวีท คือ อาหารเสริมที่คุณควรสนใจ แป้งโฮลวีทนั้นอาจนำมาปรุงเป็นอาหารอื่นเช่น คลุกกับเนื้อสัตว์ หรือทำขนมคุกกี้ก็ดีทีเดียว
สาหร่ายทะเล (KELP)
สาหร่ายทะเลอุดมไปด้วยสารอาหารอันมากคุณค่า โดยเฉพาะเกลือแร่มากมาย อาทิเช่น ฟอสฟอรัส แม็กนีเซียม โปตัสเซียม แคลเซียม โซเดียม กำมะถัน ไอโอดีน โคบอลท์ ทองแดง สังกะสี เหล็ก แมงกานีส นิคเกิ้ล สาหร่ายทะเลได้ชื่อว่าช่วยให้ต่อมธัยรอยด์ทำงานได้ดีทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานยอดเยี่ยม ช่วยขับน้ำส่วนเกินจากร่างกายและยังป้องกันการดูดซึมสารกัมมันตภาพรังสีได้ด้วย ช่วยให้ระบบประสาทมีประสิทธิภาพ แถมยังทำให้ผิวพรรณสดใสอีกต่างหาก
ไขมันต้องลดก่อนที่จะหมดอารมณ์เซ็กส
การมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นกิจกรรมที่ร่างกายต้องใช้พลังงานไม่น้อยเลยทีเดียว คนที่สุขภาพฟิตเปรี๊ยะ ร่างกายแข็งแรง จิตใจสดใส ก็ย่อมจะมีเซ็กส์ได้อย่างสุขสมรื่นรมย์ ซึ่งการกิน อาหารที่มีคุณค่าสารอาหารก็จะเข้าไปบำรุงฮอร์โมนเพศ ทำให้คุณเกิดอารมณ์เซ็กส์และมีความต้องการทางเพศ ถ้าคุณมีไขมันส่วนเกินมากๆ ฮอร์โมนทางเพศจะไม่สมดุล ทำให้คุณขาดอารมณ์ทางเพศ เพราะร่างกายไม่ฟิตพอนั่นเอง การออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลือกกินผักสดๆ ผลไม้ทุกวันร่างกายไร้ไขมันส่วนเกิน คุณก็จะเพลินกับเซ็กส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (แต่แน่นอนว่าคนที่ผอมเกินไปก็จะมีปัญหากับเซ็กส์เหมือนกัน)
ลดอาหารไขมันไม่ใช่เลิกเด็ดขาด
ในปัจจุบันนี้เมื่อมีการใส่ใจเรื่องโภชนาการกับอาหารการกินมากขึ้นคนส่วนใหญ่จึงหลีกเลี่ยง การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน เพราะนอกจากจะมิได้ให้ประโยชน์มากมายแก่ร่างกายแล้ว ยังนำมาซึ่งโรคภัยนานาชนิดอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรร่างกายของคนเราก็ไม่สามารถขาด "ไขมัน" ซึ่งเป็นอาหาร 1 ใน 5 หมู่ที่จำเป็นต่อร่างกายได้ ถ้าร่างกายของคุณขาดไขมัน ร่างกายก็จะขาดสารอาหาร ทำให้ผิวพรรณของคุณแห้งหยาบ แก่ก่อนวัย อ่อนเพลียง่าย คนที่ลดน้ำหนักตัวโดยไม่แตะไขมันเลยก็ควรดื่มนมบ้าง มิฉะนั้นจะขาดแคลเซียม ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับข้อและกระดูกได้ การลดอาหารไขมันที่ถูกต้องคือเลี่ยงอาหารทอดๆ อาหารหรือขนมหวานๆ คุณอาจรับประทานไขมันจากแหล่งอื่น เช่น ปลา เนื้อสัตว์ นม เนยเป็นต้น การรับประทานอาหารจานผัดต่างๆ โดยใช้น้ำมันพืชเล็กน้อยก็ทำให้ร่างกายได้ไขมันแล้ว แต่ถ้าได้มากเกินความต้องการของร่างกายก็จะเป็นโทษต่อสุขภาพแน่นอน
อยากฟิตหุ่นให้เพรียวทันใจ ต้องให้วิตามินบี2 ช่วย
แม้จะควบคุมอาหารและออกกำลังกายบ้างแล้วแต่ถ้าน้ำหนักยังลดลงไม่เร็วสมใจคุณก็ควรเพิ่ม อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี2 ในเมนูแต่ละวันของคุณอย่างจริงจัง เนื่องจากวิตามินบี2 จะช่วยดูดซึมไขมันและเผาผลาญไขมันให้กลายเป็นพลังงาน ในร่างกายที่ขาดวิตามินบี2 จะทำให้กระบวนการเมตาบอลิซึมไขมันเป็นไปอย่างไม่เรียบร้อยสมบูรณ์แบบ ไขมันในตัวคุณจึงยังคงถูกเก็บไว้เป็นส่วนเกินตามส่วนต่างๆ ทำให้รูปร่างไม่ได้สัดส่วน น้ำหนักเพิ่มง่าย นอกจากนั้นยังสามารถทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและนำพาโรคต่างๆ มาสู่ร่างกายได้ง่าย โดยเฉพาะในคนวัยสูงอายุ ตับ นม ไข่แดง ไข่ปลา เนยแข็ง ถั่วหมัก ถั่วแระ ผักบุ้งฝรั่ง เนื้อสัตว์ คือแหล่งอาหารที่มีวิตามินบี2 ซึ่งคุณควรใส่ใจ
เป็นหนุ่มเป็นสาวเสมอด้วยวิตามินอี
วิตามินอีมีบทบาทหน้าที่สำคัญๆ ต่อร่างกายหลายประการโดยเฉพาะการซ่อมแซมเซลล์ที่สึก หรอและต้านการทำปฏิกิริยาของออกซิเจนกับไขมันในร่างกายนั้นเป็นจุดเด่นที่ทำให้เซลล์ต่างๆ เสื่อมสภาพได้ช้าลง ดังนั้นอาหารที่เปี่ยมไปด้วยวิตามินอีจึงเสมือนช่วยชะลอความชรา ทำให้คุณดูเป็นหนุ่มเป็นสาว ดูอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน อาหารวิตามินอีที่ควรรับประทานเป็นประจำสม่ำเสมอ ได้แก่ ตับ ไข่แดง ปลาไหล ฟักทอง แครอท เนย สาหร่ายทะเลเป็นต้น
สายตาดี กระปรี้กระเปร่า ด้วยเห็ดหูหนู
นอกจากเมนูไก่ผัดขิงที่มีเห็ดหูหนูประกอบแล้วยังมีอีกหลายเมนูที่คุณสามารถเพิ่มเห็ดหูหนูทั้ง ชนิดขาวหรือดำปรุงลงไปได้ อาทิ อาหารจานผัดหรือเมนูต้มๆ แกงๆ หลายรายการอันเป็นสูตรพิเศษที่คุณประดิษฐ์คิดค้นขึ้นเอง เห็ดหูหนูเพียงไม่กี่ชิ้นในจานโปรดของคุณหากจัดให้มีทุกมื้ออาหารทุกๆ สัปดาห์ก็จะเป็นการบำรุงสุขภาพอย่างยอดเยี่ยม เพราะเห็ดหูหนูนั้นช่วยลดระดับไขมันในเลือด ทำให้คุณมีหัวใจที่แข็งแรง ไม่วายได้ง่ายๆ ไม่มีวันเกิดอาการหลอดเลือดตีบตัน นอกจากนั้นยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด หดเกร็งให้คลายตัว และส่งผลให้คุณเกิดความกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า คึกคักสดชื่น เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไว ปอดสะอาดสดชื่นเพราะเห็ดหูหนูช่วยชะล้างบำรุง ช่วยเสริมสร้างโลหิต โดยเฉพาะสายตาเห็ดหูหนูจะช่วยบำรุงสายตาให้แจ่มใส การมองเห็นชัดคมดีเยี่ยมเป็นพิเศษ บำรุงตับ บำรุงผิวให้เปล่งปลั่งสดใสน่าสัมผัส
ควรตัดความเค็มออกจากร่างกาย
เมื่อรับประทานข้าวเรามักขาดน้ำปลาพริกขี้หนูไม่ได้ นั่นแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความ เค็มนั้นเป็นที่โปรดปรานของคนเราไม่น้อย แต่สำหรับบางท่านที่ติดอกติดใจรสเค็มเป็นพิเศษควรจะลดๆ งดการรับประทานอาหารรสเค็มบ้าง แม้ว่าร่างกายเราต้องการเกลือแต่เราสามารถได้เกลือจากแหล่งอาหารอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานน้ำปลาหรือเกลือโดยตรง ความเค็มนั้นให้โทษต่อสุขภาพถ้าคุณรับประทานมากๆ อยู่เป็นประจำ การปรุงอาหารแต่ละครั้งควรปรุงรสเค็มแต่เพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว ถ้าคุณยังติดรสเค็มต่อไปสังเกตได้เลยว่าผิวพรรณของคุณจะไม่เปล่งปลั่ง แต่จะมีริ้วรอย พูดง่ายๆ ก็คือแก่เร็วเหี่ยวเร็วนั่นเอง นอกจากนั้นยังทำให้เส้นผมอ่อนแอหลุดง่าย และง่ายต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นโลหิตแข็ง โรคแผลในกระเพาะอาหาร
นักมังสวิรัติได้แคลเซียมสูง
แคลเซียมเป็นเกลือแร่ที่แสนสำคัญต่อร่างกายของคุณ เนื่องจากบทบาทหน้าที่ของมันก็คือช่วย ให้กระดูกแข็งแรง เซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ประสาทก็ต้องการแคลเซียมไปช่วยในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ถ้าคุณไม่อยากเป็นโรคกระดูกผุ ข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง มะเร็งลำไส้ ฯลฯ คุณก็ควรสนใจอาหารแคลเซียมอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ อาหารที่เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีส่วนใหญ่เป็นอาหารที่นักมังสวิรัติได้รับประทานกันเป็นประจำสม่ำเสมอ แหล่งอาหารดังกล่าวนี้คือ งาดำคั่ว ถั่วแดง อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง มะม่วงหิมพานต์ ถั่วแระ กุ้งแห้ง ปลาลิ้นหมา ปลาเล็กปลาน้อยทอด ใบยอ ใบชะพลู ใบมะกรูด กุ้งฝอย ปูทะเล หอยแมลงภู่ หอยแครง ปลาทู ไข่แดง นม เนย เป็นต้น
นอนหลับเพียงพอสุขภาพดีแน่
นอกจากเรื่องของอาหารการกินแล้ว การพักผ่อนนอนหลับก็คือปัจจัยที่จะทำให้สุขภาพของ คุณแข็งแรง สดชื่นทั้งกายและใจได้ดีที่สุด วัยเด็ก วัยหนุ่มสาว และผู้สูงอายุ ต้องการเวลานานต่างกัน เด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบควรนอนให้ได้วันละ 10 ชั่วโมง เด็กอายุระหว่าง 10-15 ปี ควรนอนให้ได้วันละ 9 ชั่วโมง วัยรุ่นอายุ 15 ปีขึ้นไปจนถึงวัยหนุ่มสาวควรนอนวันละ 8 ชั่วโมง วัยผู้ใหญ่จนถึงวัยสูงอายุควรนอนให้ได้วันละ 6 ชั่วโมง การนอนต่ำกว่าเวลาดังกล่าวนี้มีผลให้ร่างกายของคุณยังพักผ่อนไม่เต็มที่และไม่เพียงพอ ซึ่งแน่นอนว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างจริงจัง
อาหารต้านมะเร็ง
5 ประการเพื่อการป้องกัน
1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ เพื่อป้องกัน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย กระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ
2. รับประทานอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
3. รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และไวตามินเอสูง เช่น ผัก ผลไม้สีเขียว-เหลือง เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอด
4. รับประทานอาหารที่มีไวตามินซีสูง เช่น ผัก ผลไม้ต่าง ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร
5. ควบคุมน้ำหนักตัว โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งมดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่ การออกกำลังกาย และการลดรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง จะช่วยป้องกันมะเร็งเหล่านี้ได้
7 ประการเพื่อลดการเสี่ยง
1. ไม่รับประทานอาหารที่มีราขึ้น อาหารที่มีราขึ้นโดยเฉพาะสีเขียว-เหลือง จะมีสารอัลฟาทอกซินปนเปื้อน ซึ่งอาจเป็น สาเหตุของโรคมะเร็งตับ
2. ลดอาหารไขมัน อาหารไขมันสูงจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ และต่อมลูกหมาก
3. ลดอาหารดองเค็ม อาหารปิ้ง-ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือไนเตรท-ไนไตร์ท อาหารเหล่านี้จะทำให้เสี่ยงต่อ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่
4. ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ เช่น ก้อยปลา ปลาจ่อม ฯลฯ จะทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ และเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งของท่อน้ำดีในตับ
5. หยุดหรือลดการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งปอด กล่องเสียง ฯลฯ การเคี้ยวยาสูบจะเสี่ยงต่อ การเป็นมะเร็งช่องปาก และช่องคอ
6. ลดการดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มแอลกอฮอล์ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ ถ้าทั้งดื่มและสูบบุหรี่จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่อง ปาก ช่องคอ กล่องเสียง และหลอดอาหาร
7. อย่าตากแดด ตากแดดจัดมากเกินไป จะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง จากการศึกษาพบว่า อาหารอาจมีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งได้ประมาณ 30-50% แต่ในขณะเดียวกัน อาหารประเภท พืชผัก ผลไม้ ธัญพืช และเครื่องเทศต่าง ๆ ก็มีคุณสมบัติในการป้องกันมะเร็งได้ ดังนั้นการรับประทานอาหารอย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการจึงเป็นหนทางหนึ่งซึ่งสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้
หมายเหตุ ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ
การมีเพศสัมพันธ์นั้นช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย สลายความเครียด คนโสดที่นอนไม่หลับ เมื่อสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองก็จะสามารถนอนหลับได้อย่างง่ายดาย มิใช่เรื่องเลว ร้ายน่าอายแต่อย่างใด คนที่ปฏิเสธเซ็กส์ต่างหากคือคนที่สร้างภาวะกดดันให้กับร่างกายและจิตใจตนเอง การมีเซ็กส์เพื่อสุขภาพมิได้หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์พร่ำเพรื่อหรือมากเกินปกติ การร่วมรักกับคู่รักของคุณหรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง เป็นการสร้างความพึงพอใจให้ตนเอง ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาในกระบวนการต่างๆ อันมีผลให้คุณสามารถหลับได้อย่างสบายนั่นเอง
เมนูอาหารบำรุงไต บำรุงพลังเพศ
อาหารจานอร่อยหลายรายการที่มีสรรพคุณในทางบำรุงพลังเพศ ช่วยบำรุงสุขภาพของคุณให้ แข็งแรงกระชุ่มกระชวย และช่วยบำรุงไต เมนูพิเศษมีดังต่อไปนี้ ไข่ไก่ต้มกับนมแพะและน้ำตาลกรวด ไข่นกกระทาตุ๋น หอยเชลล์อบกระเทียม หอยนางรมทอด ข้าวต้มปลิงทะเล ต้มกุ้งกับเหล้าขาว ซุปปลาหลีฮื้อ ฉู่ฉี่ปลาไหล ผัดเซี่ยงจี๊กับกุยช่าย
ไขมันต้องลดก่อนที่จะหมดอารมณ์เซ็กส์
์ การมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นกิจกรรมที่ร่างกายต้องใช้พลังงานไม่น้อยเลยทีเดียว คนที่สุขภาพฟิตเปรี๊ยะ ร่างกายแข็งแรง จิตใจสดใส ก็ย่อมจะมีเซ็กส์ได้อย่างสุขสมรื่นรมย์ ซึ่งการกิน อาหารที่มีคุณค่าสารอาหารก็จะเข้าไปบำรุงฮอร์โมนเพศ ทำให้คุณเกิดอารมณ์เซ็กส์และมีความต้องการทางเพศ ถ้าคุณมีไขมันส่วนเกินมากๆ ฮอร์โมนทางเพศจะไม่สมดุล ทำให้คุณขาดอารมณ์ทางเพศ เพราะร่างกายไม่ฟิตพอนั่นเอง การออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลือกกินผักสดๆ ผลไม้ทุกวันร่างกายไร้ไขมันส่วนเกิน คุณก็จะเพลินกับเซ็กส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (แต่แน่นอนว่าคนที่ผอมเกินไปก็จะมีปัญหากับเซ็กส์เหมือนกัน)
เพิ่มพลังเพศ บำรุงไต ด้วยผักกุยช่าย
ผักกุยช่ายเมื่อนำมาผัดกับตับแล้วบางคนนิยมเรียกเมนูนี้ว่าผักดอกกุยช่ายหรือผัดไม้กวาด แม้กุยช่ายจะเป็นผักที่มีกลิ่นฉุนแรงแต่คุณประโยชน์นั้นมีมากมายกว่าที่คุณคิด คนที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงง่าย เหนื่อยง่าย คนป่วย คนอายุมาก คนที่มีอาการกามตายด้าน น้ำอสุจิเคลื่อน ควรรับประทานผักกุยช่ายเป็นประจำ เพราะในผักกุยช่ายมีแร่ธาตุสำคัญๆ และยังมีสารปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคอีกด้วย แต่ถ้ารับประทานปริมาณมากๆ ในวันหนึ่งอาจทำให้เวียนศีรษะได้ ดังนั้นควรปรุงกับตับ หรือกุ้ง หรือหมู ด้วยในการผัดจานหนึ่งถ้ารับประทานอย่างสม่ำเสมอร่างกายจะแข็งแรง มีกำลังวังชา มีพลังเพศ ร่างกายขับเหงื่อได้ดี ลดอาการหลั่งเร็วของผู้ชาย และช่วยบำรุงไต
ขอบคุณที่มาwww.ozonicinter.com
วันที่ 20 เม.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,279 ครั้ง เปิดอ่าน 7,194 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,169 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 10,389 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 424,754 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,933 ครั้ง |
เปิดอ่าน 7,704 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,943 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,575 ครั้ง |
|
|