รมว.ศึกษาธิการ ใช้ ระบบฐานข้อมูลบิ๊กดาต้านำปฎิรูปการศึกษา หวังสร้างศูนย์ข้อมูลกลางระบบนักเรียนไทย พร้อม เล็งปฎิรูปนิติกรทุกองค์กรหลักฯ หลังพบวิกฤตขาดแคลนหนัก ส่งผลการเดินหน้าสอบสวนคดีทุจริตล่าช้า
วันนี้ (27 ก.ย.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงข้อสั่งการจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องการปฎิรูปดิจิตอลเทคโนโลยี โดยเฉพาะการทำระบบฐานข้อมูลแบบบิ๊กดาต้าเซ็นเตอร์ของรัฐบาล ซึ่งเป็นระบบข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์เรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา ดังนั้นในส่วนของศธ.ตนได้มอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารทุกคนให้รับทราบว่าตนจะปฎิรูปเรื่องดังกล่าวให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะนำระบบฐานข้อมูลแบบบิ๊กดาต้ามาช่วยขับเคลื่อนเรื่องการศึกษา ซึ่งมอบให้ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการนโยบายเรื่องนี้ นอกจากนี้จะมีการปฎิรูประบบเจ้าหน้าที่นิติกรของทุกองค์กรหลักฯทั้งหมด เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่านิติกรของศธ.ขาดเป็นจำนวนมากถือได้ว่าวิกฤตหนักตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการไปก็ไม่มีใครอยากมาสมัคร เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีภาระงานเรื่องร้องเรียนเข้ามาจำนวนมากแต่นิติกรมีเพียง 8 คนเท่านั้น เป็นต้น อีกทั้งนิติกรที่มีอยู่ก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำและเสี่ยงกับเรื่องที่ต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีแทบทั้งสิ้น รวมถึง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ได้มีผลบังคับใช้แล้วก็จะต้องวางแนวทางสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นตนจึงคิดว่านอกจากจะเพิ่มบุคลากรด้านนิติกรแล้วยังต้องหาแนวทางสร้างแรงจูงใจให้แก่นิติกรเหล่านี้ด้วย
ด้าน ดร.พะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ในฐานะโฆษกศธ. กล่าวว่า สำหรับข้อสั่งการนโยบายการปฎิรูปดิจิตอลเทคโนโลยี หรือ การทำฐานข้อมูลบิ๊กดาต้าของศธ.นั้น รมว.ศธ.จะเลือกประเด็นสำคัญของการศึกษามาจัดทำระบบข้อมูลบิ๊กดาต้าให้เป็นเรื่องเร่งด่วน เช่น ระบบฐานข้อมูลนักเรียนทีจะต้องเกี่ยวข้องกับการจัดทำงบประมาณหรือการคิดเงินอุดหนุนรายหัวเด็ก และการทำฐานข้อมูลครู เป็นต้น เพราะหากนำฐานข้อมูลบิ๊กดาต้านี้มาใช้จะช่วยแก้ปัญหาเด็กรายหัวที่เป็นเด็กผีได้ เพราะขณะนี้มีหลายหน่วยงานไม่ใช่แค่ศธ.ที่เดียวที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเท่านั้น ดังนั้นจะหาศูนย์กลางระบบข้อมูลเด็กได้อย่างไร ซึ่งก็เห็นว่าระบบฐานข้อมูลบิ๊กดาต้านี้จะช่วยให้การจัดระบบการศึกษาเป็นไปในทิศทางเดียวกันได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามภายใน 1 สัปดาห์นี้คณะทำงานที่มี ดร.ชัยพฤกษ์ เป็นผู้รับผิดชอบจะสรุปเรื่องเร่งด่วนที่มาจัดทำเป็นฐานข้อมูลบิ๊กดาต้าเสนอให้ รมว.ศธ.พิจารณาอีกครั้ง
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2560