สถานี ก.ค.ศ.: การกำหนดกรอบอัตรากำลัง ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
พินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้สนใจทุกท่าน ในช่วงเวลานี้สิ่งที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหลายท่านให้ความสนใจ คงจะเป็นเรื่องการประเมินวิทยฐานะและการพัฒนาครูแนวใหม่
ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้นำเรื่องดังกล่าวมาชี้แจงทำความเข้าใจให้กับผู้สนใจกันไปแล้ว ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยู่ในความสนใจของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ดำรงตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) และตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ในประเด็นเกี่ยวกับการเกลี่ยอัตรากำลังสู่โครงสร้างใหม่ของทั้งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจต่อผู้ดำรงตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) และตำแหน่งศึกษานิเทศก์
ในสัปดาห์นี้จึงขอนำเรื่องดังกล่าวมา สร้างความรู้ความเข้าใจกับเพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับทราบโดยทั่วกัน ดังนี้
ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 19/2560 ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 กำหนดให้มีสำนักงานศึกษาธิการภาคและสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ทำหน้าที่บูรณาการการจัดการศึกษาของจังหวัดและของภูมิภาค และกำหนดให้ศึกษาธิการจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจในการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา 53 (3) และ (4) ในจังหวัด อีกทั้งยังกำหนดให้โอนงานการจัดการศึกษาเอกชน และงานบางส่วนของงานการบริหารงานบุคคล จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไปยังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและให้มีการเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจากหน่วยงานการศึกษาอื่นไปปฏิบัติงานในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด โดยให้เป็นไปตามมาตรการ "การเกลี่ยอัตรากำลังต้องไม่เพิ่มกำลังคนและงบประมาณ" จากเงื่อนไขดังกล่าว ก.ค.ศ.จึงมอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการไปศึกษาและวิเคราะห์กรอบอัตรากำลังที่เหมาะสมของทั้ง 2 หน่วยงาน คือ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระงาน ปริมาณงาน คุณภาพของงาน และสภาพการทำงาน ดังนั้น จากการวิเคราะห์และการทำความตกลงร่วมกันให้เกลี่ยอัตรากำลังจำนวนร้อยละ 25
จากอัตรากำลังทั้งหมดของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) และตำแหน่งศึกษานิเทศก์ จำนวน 958 อัตรา จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามาสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด โดยความเห็นชอบของ ก.ค.ศ.แล้วนั้น ปรากฏผลจากการดำเนินการกำหนดกรอบอัตราและเกลี่ยอัตรากำลังดังกล่าว สามารถเกลี่ยได้จำนวนร้อยละ 24 ซึ่งอัตรากำลังนี้จะนำมาใช้ในช่วงเปลี่ยนผ่าน อย่างไรก็ดี การกำหนดกรอบอัตรากำลังในครั้งนี้เป็นการกำหนดกรอบอัตรากำลังที่ใช้ในระยะแรกไม่เกิน 1 ปี ซึ่งจะมีการติดตามการปฏิบัติงานและภาระงาน ที่แท้จริง
เพื่อปรับปรุงกรอบอัตรากำลังให้มีความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กรุณาเน้นย้ำว่าการเกลี่ยและการจัดกรอบอัตรากำลังในครั้งนี้ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ และไม่ทำให้ผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันเสียสิทธิหรือความก้าวหน้าที่พึงจะมี
จึงขอเรียนมายังเพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ดำรงตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) และตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ได้รับทราบโดยทั่วกันและหวังว่าเพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติงานและสนับสนุนการปฏิรูปการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
เผยแพร่บน เว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 4 กันยายน 2560