รมว.ศึกษาธิการ ถก กระทรวงการคลัง หลังภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการประชารัฐพบ 3 ปัญหาลดหย่อนภาษี แย้มขยายฐานให้เอกชนที่มีกำไรลดหย่อนภาษีช่วยการศึกษาเพิ่มได้ไม่เกิน 17% ส่วนที่ยังไม่มีกำไรจะหาทางช่วยต่อไป
วันนี้(12 มิ.ย.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการหารือเรื่องการลดหย่อนภาษีให้แก่ภาคเอกชนที่เข้ามาร่วมโครงการประชารัฐกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยมี นายอานุภาพ จามิกรณ์ ที่ปรึกษา รมว.คลัง นายประภาศ คงเอียด รองปลัดกระทรวงการคลัง และ นางแพตริเซีย มงคลวนิช รองอธิบดีกรมสรรพากร พร้อมคณะทำงานสานพลังประชารัฐด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ (E2) และ ด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ (E5) เข้าร่วมประชุม พบปัญหาว่า กฏหมายกำหนดว่าบริษัทที่มีกำไรเท่านั้นถึงจะหักลดหย่อนภาษีได้ แต่บริษัทใหญ่ๆที่มาร่วมโครงการประชารัฐยังขาดทุนอยู่ ซึ่งไม่เข้าข่าย ดังนั้น ต้องมาดูว่าจะดูแลอย่างไร และต้องเป็นเรื่องที่ทำแล้วถูกต้องตามกฏหมายด้วย
ด้าน ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัด ศธ. กล่าวว่า ภาคเอกชนที่เข้ามาร่วมโครงการประชารัฐขอให้ ศธ.ช่วยเหลือใน 3 เรื่อง คือ 1.การลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายทั่วไป อาทิ ค่าอบรมครู การจ้างครูช่วยสอน 2.ค่าใช้จ่ายที่บริษัทนำเงินมาลงกองกลาง อาทิ ค่ารีแบรนด์ดิ้ง ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ3. ค่าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การเดินสายอินเทอร์เน็ตสายกลาง ซึ่งขอหักภาษีได้เนื่องจากกฏหมายกำหนดว่าจะต้องบริจาคให้แก่สถานศึกษาเท่านั้น
“ ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า การดำเนินการจะต้องยึดหลักทางภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร โดยจะไปศึกษาว่าปรับปรุงอะไรได้บ้าง เช่น การลดหย่อนภาษี 200% ที่หักได้ไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเห็นว่าอาจจะมีการขยายการลดภาษีให้อีกไม่เกิน 17% แต่ต้องสำหรับสถานประกอบการที่มีกำไรเท่านั้น ซึ่งกระทรวงการคลังจะใช้เวลา 4-5 เดือน ทำกฎหมายลำดับรองของประมวลรัษฎากร เพื่อรองรับ ส่วนที่ยังไม่มีกำไร แต่มาช่วยรัฐจะมีการหารือกันต่อไปว่าจะช่วยเหลืออย่างไร นอกจากนี้อาจจะใช้มาตรการ หรือ กลไกทางภาษี ให้ผู้บริจาคทรัพย์สินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และพัฒนาครู ซึ่งเป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญให้ได้รับประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีด้วย ” ปลัด ศธ.กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2560 เวลา 15.04 น.