มนุษย์ทุกคนต่างก็ต้องการความสำเร็จกันทั้งสิ้น คงไม่มีใครเกิดมาเพื่อล้มเหลว แค่ทำไมมีคนที่สามารถบอกว่าตัวเองประสบความสำเร็จเพียงไม่กี่คน ไม่ถึง หนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไปที่กล้าบอกว่าตนเองประสบความสำเร็จ มีคนเคยพูดว่า เราสามารถเดินไปบนถนนคนเดิน ที่ไหนก็ได้ในโลก แล้วทึกทักใครก็ได้ว่า ช่วยสอนหรือแนะนำผมหน่อยเถอะว่า ทำอย่างไรผมจึงจะประสบความล้มเหลว แม้ว่าอาจจะทำให้เขารู้สึกงงหน่อยๆ แต่เชื่อเถอะ โอกาสที่คุณจะเจอคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต บนท้องถนนมีมากถึง 99 เปอร์เซ็นต์
คนส่วนใหญ่ คนทั่วไปไม่ประสบความสำเร็จ คนบนท้องถนนส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ แล้วคนประสบความสำเร็จอยู่ที่ไหน ในวงการคนขายตรง หรือคนขายประกัน มักจะพูดกันว่า คนประสบความสำเร็จ มักพบอยู่บนเวที พูดถึงประสบการณ์การต่อสู้ที่ส่งผลให้เขาได้ขึ้นมายืนพูดให้คนอื่นๆ ฟัง คนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ส่วนใหญ่มักจะโดดเด่น ท่ามกลางผู้คนนับร้อย นับพันเขาจะดูโดดเด่น และดึงดูดสายตาผู้คน ด้วยบุคลิก ท่าทาง คำพูด แววตา และการแสดงออกในทุกๆ ด้าน ที่แน่ๆ เขาเป็นคนที่มีความสุข ร่าเริง และมีพลัง แลดูมีชีวิตชีวา อย่างเห็นได้ชัดเจน
ทำไมถึงพูดอย่างนี้ เพราะว่าคนที่ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่ค้นพบตนเอง รู้ว่าเขาเกิดมาบนโลกนี้ทำไม เพื่ออะไร เขาพบว่าตัวเขาเอง ชอบอะไร ถนัดทางไหน ทำอะไรได้ดีที่สุด ทำแล้วมีความสุข ทำแล้วมีพลัง ทำแล้วไม่รู้สึกว่าเบื่อหรือเหน็ดเหนื่อย ทำได้ดีกว่าใครๆ ที่สำคัญยิ่งสิ่งที่เขาทำ ทำให้คนอื่นๆ มีความสุขได้ คนที่ประสบความสำเร็จแท้ที่จริงแล้ว เขาทำมากกว่า ทำเพื่อตัวเอง ซะส่วนใหญ่คนสำเร็จ คือทำสิ่งที่เขารัก เขาถนัด เขาทำได้ดีที่สุด เพื่อสังคมและคนอื่นๆ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ไทเกอร์วูด นักกอลฟ์มือหนึ่งของโลก ผู้สร้างสถิติการแข่งขันมากมาย ไม่มีใครในโลกนักกอลฟ์ไม่รู้จักเขา เขาโชคดีที่ค้นพบว่าเขารักกอลฟ์ตั้งแต่ยังเป็นเด็กประถม และทำในสิ่งที่ตนเองรักเรื่อยมา
ครั้งหนึ่งมีคนไปสัมภาษณ์ นักเทนนิสระดับแชมป์ยูเอสโอเพ่น ชื่อบอริส เบ็คเกอร์ ซึ่งหยุดเล่นไปแล้วเพราะอายุมาก แต่ก็หวนกลับมาแข่งขันอีก แถมได้แชมป์ของรายการเสียด้วย นักข่าวถามว่า อะไรทำให้คุณหวนกลับมาเล่นอีก คุณต้องการเงินรางวัลหรือ เขาตอบว่าไม่ใช่เงินรางวัลที่ผมต้องการ เพียงแต่ว่าผมคิดถึงเทนนิส ผมรักเทนนิส ทำกลับมาทำในสิ่งที่ผมรัก
รางวัลที่คนสำเร็จได้ก็คือ ความสุขใจ ความภาคภูมิใจ ความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนทำ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้เขามีความมั่นคงทางจิตใจ มีความสุขสงบอยู่ภายใน และไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกต่อไป ยิ่งถ้าคนที่ประสบความสำเร็จ ได้เรียนรู้ปรัชญาชีวิต เรียนรู้หลักธรรม คำสั่งสอนที่ดีงาม เขาก็จะเข้าใจ และเข้าถึงคุณค่าแท้จริงของชีวิต และเขาจะไม่มีวันกลับมาเป็นคนล้มเหลวอีกเลย สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ทรัพย์สินภายนอก ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้าน รถยนต์ สิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงเงินทองของนอกกาย รายได้พิเศษ รายได้ประจำ นับว่าเป็นผลพลอยได้ เป็นสิ่งที่จะติดตามมาอย่างแน่นอน มากบ้างน้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับว่า เขาประสบความสำเร็จทางด้านไหน ถ้าเป็นด้านที่ผลพลอยได้เยอะ ทรัพย์สินก็จะเยอะ แต่ถ้าเป็นในด้านที่ผลพลอยได้น้อย ทรัพย์สินก็จะพอประมาณ
คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะมีทรัพย์สินภายนอก มากหรือน้อยต่างกันเพียงใด ล้วนแต่มีความสุขเท่ากัน เพราะความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่ความสุขจากทรัพย์สมบัตินอกกาย ความสุขที่แท้จริง อยู่ภายในใจ คนที่ประสบความสำเร็จ ค้นพบตัวเอง ค้นพบกิจกรรมที่ตนเองรัก ถนัด ทำแล้วทำได้ดีกว่าคนอื่นๆ ทั่วไป ทำแล้วมีความสุข ทำแล้วมีประโยชน์ ทุกวันเขาทำสิ่งเขารัก เขารักสิ่งที่เขาทำ เขาทุ่มเทอย่างมีความสุขทุกวัน และก็ทุกวัน นั่นคือรางวัลที่ไม่มีใครมาแย่งไปจากเขาได้เลย ผมไม่เคยพบคนที่ประสบความสำเร็จ ฝืนทำในสิ่งที่เขาเกลียด หรือไม่ค่อยชอบแล้วประสบความสำเร็จเลย คนที่ประสบความสำเร็จล้วนแต่ค้นพบว่าตนเอง ชอบอะไรจริงๆ แล้วเลือกที่จะสิ่งนั้น แล้วล้มลุกคลุกคลานกับมัน จนประสบผลสำเร็จ
ผมได้ดูรายการทีวีสัมภาษณ์ พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ นักร้องเพลงเพื่อชีวิต ที่มีแฟนเพลงมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย เล่าให้ฟังว่า ตอนเขาเป็นนักศึกษาที่วิทยาลัยเทคนิค เขาเป็นนักกีฬาฟุตบอล และก็เล่นดนตรีไปด้วย เขาเล่นดนตรีตั้งแต่อยู่ชั้น ป.5 - ป. 6 แต่เขาก็อาศัยการเป็นนักกีฬาได้เข้าเรียนในระดับวิทยาลัย วันหนึ่งเขาพบว่า เขาไม่สามารถทำกิจกรรม 2 อย่างได้ในเวลาเดียวกัน เพราะมันเหนื่อย เขาจึงจำเป็นต้องเลือก และเขาก็เลือกดนตรี เขาเล่นดนตรี ได้ค่าจ้างวันละ ร้อยสองร้อย ซึ่งก็ไม่ได้มากอะไร แต่เขาก็ทำอย่างมีความสุข พอเรียนจบ ปวช. เขาก็เดินทางล่าฝัน โดยเข้าไปกรุงเทพฯ และก็เป็นเด็กเล่นดนตรีกับวงคาราวาน จนวันหนึ่งก็มีอัลบั้มของตัวเอง และเป็นที่รู้จัก ทุกวันนี้เขามีความสุข เขาบอกชัดเจนว่าเขาเป็นศิลปิน เป็นนักดนตรี แม้จะไม่ร่ำรวยมหาศาล แต่เขามีความสุข อาจจะมากกว่าคนที่มีเงินร้อยล้าน พันล้านเสียด้วยซ้ำไป เพราะเขาทำในสิ่งที่เขารัก เขารักในสิ่งที่เขาทำ
อดที่จะพูดถึง เภสัชกรยิบซี ด๊อกเตอร์กฤษณา เธอได้อุทิศตนให้กับมวลหมู่มนุษยชาติ ด้วยการไปสอนผู้คนในประเทศที่ยากจน อาทิเช่น ในทวีปแอฟริกา สอนให้เขาทำยาไว้ใช้เอง โดยที่ไม่ต้องไปซื้อยาแพงๆ จากต่างประเทศ ช่วยให้ผู้ตนที่ยากจนได้เข้าถึงยา และรอดตายเป็นจำนวนมาก เภสัชกรผู้นี้ เป็นศัตรูทางการค้า กับบริษัทยายักษ์ใหญ่ และนักการเมืองหรือวงการอุตสาหกรรมยา แต่เธอเป็นมิตร เป็นนางฟ้าของคนยากจน ในประเทศที่ยากจนในหลายๆ ประเทศ แทนที่เธอจะไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทยา ยักษ์ใหญ่แล้วกอบโกยทรัพย์สินเงินทอง แต่เธอก็เลือกที่จะเป็นนางฟ้าใจดีของคนยากไร้ ผมดูแววตาของเธอ ก็รู้ว่าเธอมีความสุข เธอเลือกแล้วว่าเธอเกิดมาเพื่ออะไร
สำหรับตัวผมเอง หลังจากจบการศึกษามา ได้ทำงานหลายอย่าง ทั้งทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดในประเทศด้านการเกษตร ทำงานกับบริษัทยาสัตว์เล็กๆ แต่รายได้เยอะ ทำธุรกิจส่วนตัวหลายอย่าง แม้กระทั่งงานขายตรง ขายประกัน ก็ผ่านมาหมด รวมถึงการเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยด้วย สุดท้ายผมก็มานั่งถามใจตัวเอง ว่าเราเป็นใครกันแน่ ชอบอะไร ถนัดด้านไหน อยากทำอะไร ดูเหมือนมีสิ่งที่เราถนัด สิ่งที่เราชอบอยู่หลายอย่าง เพราะผ่านประสบการณ์ชีวิตมาเยอะแยะมากมาย ซึ่งผมไม่เคยเสียดายเวลาเลย สุดท้ายผมก็มีคำตอบ ว่าเราเป็นใคร ถนัดด้านไหนมากที่สุด อยากทำอะไรมากที่สุด