ปลัด ศธ. เผย รมว.ศึกษาธิการ จี้ทุกหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด สร้างผู้เรียนตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นดัชนีชี้วัดการทำงานของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดด้วย
วันนี้ (18 พ.ค.) ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้เรียกเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) และเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เพื่อมอบนโยบายให้หน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัดเร่งดำเนินการพัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียนที่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เนื่องจากที่ผ่านเรามีการดำเนินการเรื่องนี้ไว้หลากหลายโครงการ เช่น โครงการโรงเรียนคุณธรรม โครงการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม เป็นต้น แต่ รมว.ศึกษาธิการ อยากให้มีการขับเคลื่อนในสถานศึกษาและมุ่งผลสัมฤทธิ์ให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียนอย่างชัดเจน จึงได้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนนักศึกษาทุกระดับในสังกัดทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) โดยในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เป็นแกนหลักในการดำเนินงาน
ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้จะแบ่งการปฎิบัติงานเป็น 2 ระดับ คือ การทำงานระดับพื้นที่ใช้จังหวัดเป็นแกนหลักให้สถานศึกษาไปค้นหาว่ามีกิจกรรมใดบ้างที่สามารถพัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียนที่พึงประสงค์ โดยอาจใช้งบประมาณปกติของสถานศึกษา หรือ งบประมาณสนับสนุนของจังหวัด และ การทำงานจากส่วนกลางทั้ง สพฐ. สอศ. สช.และกศน.จะต้องช่วยกันคิดพัฒนาโครงการที่จะลงไปสู่การปฎิบัติในสถานศึกษาของตัวเอง เช่น สพฐ.คิดแผนพัฒนาสื่อการสอนคุณธรรมและจริยธรรม หรือ สอศ.พัฒนาการบ่มเพาะทักษะอุตสาหกรรมให้แก่ผู้เรียน เป็นต้น สำหรับโครงการพัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียนที่พึงประสงค์นั้นจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
“รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบแนวทางการทำงานในเรื่องนี้จากข้อมูลของต่างประเทศให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปรับใช้ดำเนินการ เช่น โครงการติวให้เพื่อน โครงการนำศิษย์เก่าดีเด่นมาสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เรียน เป็นต้น นอกจากนี้จะแบ่งกิจกรรม 5 รูปแบบที่ต้องขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรมด้วย ได้แก่ กิจกรรมนโยบายของสถานศึกษา กิจกรรมกลุ่มหลักสูตรการเรียนการสอน กิจกรรมสร้างสภาพแวดล้อมในโรงเรียน กิจกรรมบริการชุมชน และกิจกรรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถือเป็นนโยบายสำคัญของศธ.และยังเป็นตัวชี้วัดของ ศธจ.ด้วย ดังนั้นการปฎิบัติงานจะต้องให้เกิดผลสำเร็จและมีคุณภาพอย่างแท้จริง” ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2560 เวลา 10.13 น.