เมื่อคืนไปซื้อหนังสือมือสองมาอ่าน เป็นหนังสือที่แต่งโดย ศจ.นพ.ประเวศ วสี เรื่อง การพัฒนาพลังสร้างสรรค์องค์กร ซื้อมาราคา 15 บาท เอง แต่ประโยชน์ที่ได้มากมายมหาศาล ตีราคาออกมาเป็นเงินไม่ได้เลย เพราะได้ข้อคิดดีๆ คำพูดดีๆ มุมมองดี และความรู้ใหม่ๆ อีกมากมาย
ท่านคุยเรื่องของความสุขความทุกข์ของผู้คนในสังคม เพราะท่านเป็นหมอก็จริง แต่สนใจกระบวนการทางสังคม ท่านพบว่าปัจจุบันคนในสังคมมีความขัดแย้งกันสูงขึ้นเรื่อยๆ ความสุขลดลงๆๆ ท่านยกตัวอย่างในระบบราชการ ที่มีความเฉื่อย และล้า เพราะว่า ระบบไม่ดี ทั้งๆ ที่มีคนดีและเก่งอยู่มากมาย แต่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทะเลาะกัน บางหน่วยงาน มีอยู่ 9 คน แต่แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม
ในมหาวิทยาลัยไม่มีพลังสร้างสรรค์เลย เพราะคนเก่งวิชาการ ยิ่งเก่งเท่าไร ยิ่งมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ในบางคณะไม่สามารถเรียกอาจารย์ประชุมประจำเดือนได้เลย เพราะประชุมทุกครั้งก็ทะเลาะกันรุนแรง ในสายงานแพทย์ ซึ่งเรียนมาทางด้านวิทย์ ส่วนใหญ่เป็นคนนิยมความมีเหตุและผล แต่พอมาอยู่ร่วมกัน กับพบว่าผู้คนต่างใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ดังนั้นการโต้แย้งจึงรุนแรงและหาข้อสรุปไม่ได้ เข้าทำนอง ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ
คุณหมอพูดถึง พวกเอ็นจีโอ ซึ่งดูน่านับถือ เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์สูง และมีอิสระในการคิด และมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้น ตามอุดมการณ์ที่สูงส่ง แต่กลับกลายเป็นว่า พวกนี้มองปัญหาว่ามาจากคนไม่ดี ดังนั้น จึงเกลียดชัง และนำไปสู่ปัญหาที่ไม่มีวันจบ ก็คือกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านวิวาทะ ไม่มีความสุขเช่นกัน
คุณหมอเลยมองไปที่กลุ่มธุรกิจ ที่น่าจะมีกระบวนการที่น่าสนใจ แต่ผลก็คือ คนในระบบธุรกิจ ล้วนแต่มีความเครียดสูง มีความขมขื่นและกดดัน เพราะธุรกิจ มุ่งเน้นไปที่ผลกำไรมากเกินไป
ความสลับซับซ้อนของสังคมปัจจุบันนี้ ทำให้ปัญหาต่างๆ ยุ่งยากไปด้วย ไม่ว่าจะเอาความรู้ใดๆ มาใช้เพื่อพัฒนาระบบ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในองค์กรได้เลย คุณหมอพบว่า จริงๆ แล้ว ปัญหาต่างๆ จะไม่ยุ่งยากเลย ถ้าผู้คน ลดการโต้แย้งลงบ้าง หันมาเน้นด้านความสัมพันธ์ ห่วงใยกัน เมตตากัน เอื้ออาทร ซึ่งจะทำให้คนเห็นคุณค่าของกันและกันมากขึ้น เกิดการเชื่อมโยงกัน และพัฒนาเป็นพลังสร้างสรรค์ในองค์กร