“การุณ” แจง สพฐ.ผู้ใช้ครูชง ก.ค.ศ.เปิดทางให้คนไม่มีใบอนุญาตฯเข้าสอบได้ เหตุ 4 ปีย้อนหลัง บางสาขาเปิดสอบไม่มีคนสมัคร สาขาวิชาเอกบางอย่างสมัครสอบมากแต่คนผ่านเกณฑ์ขึ้นบัญชีน้อย งง! ปี 2559สังคมศึกษา สมัครสอบ 14,375 คนผ่านขึ้นบัญชีแค่ 6.21% ย้ำเกณฑ์สอบได้ 2 ปีไม่ผ่านประเมินครูผู้ช่วยก็ถือว่าพ้นความเป็นครูผู้ช่วย
วันนี้ (27 มี.ค.) จากกรณีที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติปรับปรุงมาตรฐานตำแหน่งและแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยเปิดให้ผู้ที่ไม่มีอนุญาตประกอบวิชาชีพครู มาสมัครสอบได้ ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสนับสนุนและคัดค้านมติดังกล่าวนั้น นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในฐานะผู้ใช้ครูเห็นว่ามติดังกล่าว มีผลในทางบวกกับ สพฐ.เพราะสิ่งที่เป็นปัญหาหลักในการสอบบรรจุครูผู้ช่วย 4 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา ตั้งแต่พ.ศ.2557-2559 มี 11 วิชาเอกที่เปิดสอบบรรจุ คือภาษาเกาหลี,ภาษาเวียดนาม,ภาษาพม่า,ภาษาเยอรมัน,ภาษาสเปน,ภาษาอาหรับ,ดนตรี/นาฏศิลป์,ดนตรีสากล(ดุริยางค์),ออกแบบนิเทศศิลป์,วิจัยทางการศึกษา และกายภาพบำบัด ไม่มีผู้สอบแข่งขันขึ้นบัญชีได้เลย และในจำนวนนี้บางวิชาไม่มีผู้สมัครสอบเลย
นายการุณ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในการสอบแข่งขันครูผู้ช่วย ประจำปี 2559 ซึ่งมีผู้สมัครเกือบ 1.3 แสนคน โดยเฉพาะวิชาหลัก คือ วิทยาศาสาตร์ สมัคร 9,508 คน ผ่านขึ้นบัญชี 874 คน คิดเป็น 9.19%,วิทยาศาสตร์ทั่วไป สมัคร4,302 คน ผ่านขึ้นบัญชี 238 คน คิดเป็น 5.53%, ฟิสิกส์ สมัคร 1,879 คน ผ่านขึ้นบัญชี 268 คน คิดเป็น 14.26%, เคมี สมัคร 1,920 คน ผ่านขึ้นบัญชี 305 คน คิดเป็น 15.89%, ชีววิทยา สมัคร2,469 คน ผ่านขึ้นบัญชี 461 คน คิดเป็น 18.67%, คณิตศาสตร์ สมัคร 10,924 คน ผ่านขึ้นบัญชี 1,710 คน คิดเป็น 15.65%,ภาษาไทย สมัคร9,942 คน ผ่านขึ้นบัญชี 1,190 คน คิดเป็น 11.97%,ภาษาอังกฤษ สมัคร 12,961 คน ผ่านขึ้นบัญชี 1,504 คน คิดเป็น 11.69% และสังคมศึกษา สมัคร 14,375 คน ผ่านขึ้นบัญชี 892 คน คิดเป็น 6.21% ซึ่งถือว่ามีผู้สอบขึ้นบัญชีได้น้อยมาก
“ปัญหาต่างๆเหล่านี้ สพฐ.ได้นำเข้าหารือในที่ประชุม ก.ค.ศ.ว่าเราจะปล่อยให้เด็กขาดครูอยู่แบบนี้หรือ ดังนั้น มติการเปิดให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตฯมาสมัครสอบก่อนแล้วอบรมพัฒนาให้ได้ใบอนุญาตฯ ในภายหลัง จึงถือเป็นการเปิดทางให้ สพฐ.แก้ไขปัญหาที่สะสมมานาน ให้สามารถคัดเลือกผู้ที่ไม่มีอนุญาตฯ แต่มีความรู้ความสามารถตรงสาขามาเป็นครู ไม่ใช่ปล่อยให้เด็กเสียโอกาสในการได้ครูมาสอน เพราะติดล็อคในข้อกำหนดเรื่องใบอนุญาตฯ ทั้งนี้ ไม่ใช่คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ผลิตครูออกมาไม่ดี แต่ สพฐ.ในฐานะผู้ใช้ครู ก็อยากได้คนเก่งๆมาช่วยเสริมในการสอน เพราะการสอนในยุคนี้การลงเนื้อหาวิชาหลักมีความสำคัญ เช่น สอนสะเต็มศึกษาเพื่อให้เด็กได้สร้างนวัตกรรม ถ้าครูไม่รู้ลึกในวิชาการที่แท้จริงเด็กก็จะไม่มีทางเข้าใจในศาสตร์ของวิชาที่ลึกๆ และในกรณีที่ผู้ไม่มีใบอนุญาตฯ สอบบรรจุได้ ก็จะมีอบรมเทคนิคการสอน การจัดทำแผนการสอน และมีครูพี่เลี้ยงคอยประกบให้คำแนะนำ ภายในระยะเวลา 2 ปีที่เป็นครูผู้ช่วยอยู่ ก็จะต้องเข้ารับการอบรมตามที่คุรุสภากำหนดเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตฯ ซึ่งถ้ายังไม่ได้รับใบอนุญาตฯอีก แต่ประเมินครูผู้ช่วยผ่านก็จะมีเวลาอีก 2 ปีในการอบรมเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตฯ แต่ในกรณีที่ประเมินตำแหน่งครูผู้ช่วยไม่ผ่านก็จะถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็นครู เพราะเป็นการบรรจุ โดยมีเงื่อนไขเราไม่มีตำแหน่งอื่นรองรับ” นายการุณ กล่าว
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ในการเปิดสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย ประจำปี 2560 จะมีกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของตำแหน่งต่างๆไว้ ซึ่งผู้จะสมัครสอบต้องไปดูว่าสามารถในสาขาใดได้บ้าง ส่วนเรื่องการมีใบอนุญาตฯหรือไม่มีใบอนุญาตฯ สพฐ.จะมีการทำวิจัยเพื่อดูผลที่ออกมาอีกครั้ง ทั้งนี้ จากการบรรจุนักศึกษาในโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ก็มีผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตฯ ได้รับการบรรจุไป 381 คน ผ่านมาประมาณ 4 เดือนเมื่อกลับไปถามทางโรงเรียนและเด็กก็พอใจครูเหล่านี้ เพราะเก่ง สอนเข้าใจ
ขอบคุณที่มาเนื้อหาจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2560 เวลา 13.33 น.