เพื่อความเย็นยาวนาน ลงมือดูแลตู้เย็นกันเลย
1.เลือกติดตั้งตู้เย็นในที่ที่เหมาะสม ไม่โดนแสงแดด ไม่อยู่ใกล้เตาหุงต้ม อยู่ห่างจากผนังโดยรอบพอสมควรเพื่อสะดวกในการทำความสะอาดและระบายความร้อน โดยเฉพาะผนังด้านหลัง ต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 10 เซนติเมตร ให้อากาศถ่ายเทสู่ตะแกรงระบายความร้อนหลังตู้เย็นได้สะดวก ควรตั้งตู้เย็นให้อยู่ในระดับหรือปรับให้ด้านหน้าสูงกว่าด้านหลังเล็กน้อย เพื่อให้บานประตูเปิดแล้วน้ำหนักบานดึงปิดเองได้ และไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อยๆ แต่ละครั้งที่เปิดตู้เย็นความร้อนภายนอกจะเข้าในตู้เย็น เครื่องจะทำงานหนักขึ้น
2.ตู้เย็นที่บรรจุของเต็มใช้พลังงานน้อยกว่าตู้เย็นที่ว่างเปล่าหรือไม่เต็ม และของที่แช่อยู่ในช่องแช่แข็งที่เต็มจะทำให้อุณหภูมิของตู้เย็นกลับสู่สภาวะปกติได้เร็วหลังเปิดตู้เย็นแต่ละครั้ง แต่อย่าแช่ของมากจนแน่น ทำให้ความเย็นไม่ทั่วถึงส่วนต่างๆ และยังทำให้เครื่องต้องทำงานตลอด
3.การดูดฝุ่นทำความสะอาดด้านหลังตู้เย็นสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตู้เย็นได้มาก
4.ตรวจสอบและทำความสะอาดยางขอบประตูตู้เย็นสม่ำเสมอ และบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี ปิดได้สนิท ยางขอบประตูที่เสื่อมคุณภาพทำให้อากาศร้อนภายนอกเข้าไปภายในตู้เย็นได้ ส่งผลมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก ทั้งความชื้นในอากาศยังเข้าไปด้วย ทำให้แผงเย็นหรือช่องแช่แข็งมีน้ำแข็งเกาะเร็วขึ้น หมั่นทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่จะติดอยู่บริเวณตะแกรงระบายความร้อน
5.คลุมอาหารหรือของที่แช่ในตู้เย็นที่มีความชื้นก่อนแช่ เพราะอาหารเปียกชื้นจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น และตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมกับปริมาณของประเภทของที่ใช้เก็บ ไม่ควรตั้งให้เย็นเกินจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักมากขึ้น สามารถหมุนปรับได้ที่ปุ่มปรับภายในตู้เย็น ตัวเลขต่ำจะเย็นน้อยกว่าตัวเลขสูง
6.หมั่นละลายน้ำแข็งสม่ำเสมอเมื่อมีการสะสมน้ำแข็งมากเกินกว่าเครื่องหมายแสดงในตู้เย็น (ปุ่มแดงหรือสัญลักษณ์อื่น) ห้ามใช้ของแข็งที่มีคมหรือมีดแกะน้ำแข็งออก อาจทำให้แผงเย็นชำรุดเสียหายได้
7.ไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อยๆ หรือเปิดไว้นานๆ จะทำให้ความร้อนเข้าไปทำให้ภายในตู้สูญเสียความเย็น และตู้เย็นต้องเริ่มทำงานสะสมความเย็นใหม่ สังเกตง่ายๆ คือ บางครั้งที่เปิดตู้เย็นจะได้ยินเสียงมอเตอร์คอมเพรสเซอร์เริ่มทำงาน จึงไม่เป็นการประหยัดพลังงาน และทำให้อายุการใช้งานของตู้เย็นลดลงเร็วกว่าความเป็นจริง
8.อย่านำของที่ยังร้อนเข้าแช่ในตู้เย็นทันที เพราะความร้อนจากของร้อนจะไปเพิ่มอุณหภูมิภายในตู้เย็นมากกว่าปกติ ทำให้มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ทำงานนานขึ้น กินไฟเพิ่มขึ้น ควรปล่อยให้ของที่ยังร้อนเย็นตัวลงก่อนนำเข้าเก็บไว้ในตู้เย็น
9.ภายในตู้เย็นจะมีหลอดไฟแสงสว่าง เมื่อเปิดประตูตู้เย็นหลอดไฟจะติดเพื่อหยิบของได้สะดวก เมื่อปิดประตูตู้เย็นขอบประตูจะไปกดสวิตช์ให้หลอดไฟดับด้วย ถ้ากรณีที่สวิตช์ค้างหรือเสียหลอดไฟในตู้เย็นจะติดตลอดเวลา ทำให้อุณหภูมิภายในตู้เย็นสูงขึ้น สิ้นเปลืองไฟ และมอเตอร์คอมเพรสเซอร์จะทำงานหนักไปด้วย ควรรีบซ่อม
10.ตรวจสอบและติดตั้งการทำความเย็นของตู้เย็นให้อยู่ที่ระดับเหมาะสม คือในพื้นที่แช่เย็นทั่วไปที่อุณหภูมิ 3-5 องศาเซลเซียส และที่ช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิ -10 ถึง -15 องศาเซลเซียส