บอร์ด สกสค.แจงความคืบหน้าสางคดีซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทบิลเลี่ยนฯ เผยจับกุมได้แล้ว 2 ราย และรอดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ พร้อมแฉข้าราชการสพฐ.และสอศ.2 รายเอี่ยวทุจริตแต่ต้นสังกัดกลับเพิกเฉย เตรียมเสนอ รมว.ศึกษาธิการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทันที
วันนี้ (16 มี.ค.) ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ สกสค. และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. ที่มี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ. เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีกรณีซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด จำนวน 2,500 ล้านบาท ซึ่งสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้รายงานว่าจากที่ได้ออกหมายจับผู้กระทำผิด จำนวน 4 คนนั้น ขณะนี้จับได้แล้ว 2 คน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รายงานว่าการไต่สวนคดีดังกล่าวมีความคืบหน้าและคาดว่าน่าจะได้ข้อยุติภายใน 2 เดือน ส่วนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ดำเนินการยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว จำนวน 123 ล้านบาท และยังจะยึดทรัพย์เพิ่มอีก 600 ล้าน แต่อยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ของจำเลย เนื่องจากจำเลยอ้างว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่ทาง สกสค.ก็เตรียมอุทธรณ์กลับ เพราะเห็นว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่ใช้ในการหลอกล่อ ทำให้เห็นผลและจูงใจให้ทำการลงทุนต่อ ซึ่งการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ปปง. ได้ดำเนินการร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ด้วย และในส่วนการดำเนินการที่เกี่ยวกับคดี ทางดีเอสไอได้บรรจุเข้าเป็นวาระ เพื่อขอให้คณะกรรมการดีเอสไอ ได้มีการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษด้วย เพื่อให้ดีเอสไอสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มที่และคล่องตัว นอกจากนี้ตนยังได้ตั้งผู้ประสานคดีกับหน่วยงานต่างๆ ด้วย
ดร.พิษณุ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการดำเนินการทางวินัย อยู่ระหว่างดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของ สกสค. ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในฐานะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ส่วนกรรมการกองทุนฯที่เป็นข้าราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขันพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ยังไม่ได้รับการสอบสวน ดังนั้นในวันที่ 20 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมรายงานความคืบหน้าการดำเนินการกับข้าราชการทั้ง 2 สังกัด โดยมี รมว.ศธ. เป็นประธาน หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็อาจจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการทั้ง 2 สังกัดทันที นอกจากนี้คณะสอบสวนทางวินัย ที่มีนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็น ประธาน ได้รายงานให้ตนทราบว่า จากการสอบสวนพบประเด็นที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ว่าการทุจริตครั้งนี้ มีการกระทำอย่างเป็นขบวนการ มีการวางแผนไว้ และกระทำการโดยมิชอบ ผู้ที่เกี่ยวข้องอาจจะเข้าข่ายมาตรา 157 ทำการโดยปราศจากอำนาจ โดยมีเจตนาจะทุจริตร่วมกับภาคเอกชนด้วย
“รมว.ศธ. ย้ำชัดว่า เหตุใดที่ผ่านมาจึงปล่อยให้คนผิดลอยนวลอยู่ ดังนั้นผมในฐานะผู้ปฏิบัติก็ต้องคอยเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการนำตัวคนที่กระทำความผิดมารับผิดให้ได้ เพราะการลงโทษทางวินัยถือว่าไม่หนักเท่าการดำเนินการทางคดีทั้งอาญาและแพ่ง จึงต้องดำเนินการโดยเร็ว" ดร.พิษณุ กล่าวและว่า นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย นายสมมาตร์ มีศิลป์ อดีต ผอ.องค์การค้าของ สกสค. กรณีบริษัท ล็อกซเลย์ ไวร์เลส จำกัด (มหาชน) ดำเนินการฟ้องแพ่งองค์การค้าฯด้วย." ดร.พิษณุ กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม 2560 เวลา 16.20 น.