6 ปัญหาที่เด็กม.ปลายต้องเจอและผ่านไปให้ได้
สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังจะเข้าเรียนต่อม.ปลายในโรงเรียนใหม่หรือน้อง ๆ ที่กำลังเรียนอยู่ม.ปลายนั้น อาจต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ การเรียนแบบใหม่ หรือแม้กระทั่งปัญหาใหม่ ๆ น้อง ๆ หลายคนอาจวางแผนปรับตัวและรับมือปัญหาได้แบบสบาย ๆ แต่สำหรับบางคนก็อาจจะไม่ง่ายสักเท่าไหร่ วันนี้ผู้เขียนจึงหยิบ 6 ปัญหาหลักที่น้อง ๆ จะต้องเจอและผ่านมันไปให้ได้ด้วยวิธีรับมือต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางให้น้อง ๆ ปรับตัวและจัดการกับปัญหาได้อย่างชาญฉลาด ดังนี้
1. เพื่อนใหม่ แน่นอนว่าเปิดเรียนใหม่และต้องตื่นเช้าไปเรียนในโรงเรียนใหม่ เป็นใครก็ตื่นเต้นกันทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะการหาเพื่อนใหม่เนี่ย เป็นประเด็นหลัก ๆ ที่น้อง ๆ ต้องเผชิญอยู่แล้วและหัวใจหลักของการหาเพื่อนใหม่นั้นเราต้องเริ่มจากตัวเองก่อน นั่นคือน้อง ๆ ต้องทำตัวให้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวก ตื่นมาก็ยิ้มให้กับตัวเองในกระจกก่อน เวลามาโรงเรียนเจอเพื่อนใหม่ก็ให้ยิ้มเข้าไว้ ยิ้มโดยไม่ต้องหวังผลตอบแทน เพราะเพื่อนบางคนอาจจะไม่ยิ้มตอบเนื่องจากเจออะไรไม่ดีมา หลังจากนั้นก็ลองเปิดใจให้กว้าง ๆ ทักทาย ถามชื่อ แล้วชวนไปกินข้าวเที่ยงกัน เท่านี้น้อง ๆ ก็จะเริ่มต้นวันเปิดเรียนใหม่ได้แบบมีความสุขและประหม่าน้อยลงแล้ว
2. การเรียนแบบใหม่ การเลือกแผนการเรียนว่ายากแล้ว การปรับตัวให้ได้และเรียนทันเพื่อนนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน การรับมือกับปัญหานี้ทำได้ไม่ยากเลยแม้แต่น้อย เพียงน้อง ๆ เช็กตารางเรียนให้ดีและอ่านหนังสือก่อนเข้าเรียนวิชานั้น ๆ เพราะเมื่อคุณครูอธิบายจะทำให้น้อง ๆ เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งมากยิ่งขึ้น หากมีคำถามขณะอ่านบทเรียนนั้น ๆ ก็ให้บันทึกคำถามแล้วถามในห้องเรียนหรือถ้ามีคำถามตอนเรียนก็ให้ถามคุณครูไปทันทีเพื่อให้เข้าใจชัดเจน รับรองว่านอกจากน้อง ๆ จะเข้าใจในบทเรียนมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการฝึกความกล้า เพื่อน ๆ ที่ไม่กล้าถามก็จะเข้าใจด้วยแถมคุณครูยังดีใจและภูมิใจที่มีลูกศิษย์ใฝ่รู้ใฝ่เรียนอีกด้วย
3. การจัดการเงิน ค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กม.ปลายนั้นถือว่าเยอะอยู่พอสมควร น้อง ๆ จึงควรมีวิธีการจัดการเงินให้ดี เพื่อให้มีเงินเก็บและช่วยคุณพ่อคุณแม่ประหยัดยิ่งขึ้น เมื่ออยากได้อะไรก็ลองเก็บเงินซื้อด้วยตัวเองง รับรองว่าน้อง ๆ จะภูมิใจกับของที่ได้มามากขึ้นเยอะ และวิธีเก็บเงินที่ง่ายที่สุดนั้นก็คือทุกครั้งที่ได้เบี้ยเลี้ยงจากคุณพ่อคุณแม่ น้อง ๆ ต้องหักออก 10-15% เพื่อเป็นเงินเก็บทันที ซึ่งน้อง ๆ จะต้องมีวินัย ฝึกให้เป็นนิสัยและไม่ใช้เงินเก็บเด็ดขาด เช่น เมื่อได้เงินมา 100 บาทก็ออมไว้ 10-15 บาท ทำอย่างนี้ทุกวันจนถึงปีแล้วก็ออมไปเรื่อย ๆ น้อง ๆ ลองคิดดูสิว่าจะมีเงินเก็บมากเท่าไหร่ และถ้าหากอยากประหยัดมากขึ้นกว่าเดิมนั้น น้อง ๆ ควรลองนัดเพื่อน ๆ ห่อข้าวกลางวันมากินกัน เพราะน้อง ๆ จะลดค่าใช้จ่ายลงมากถึงวันละ 25-45 บาท รับรองว่าจะประหยัดค่าข้าวและมีเงินเก็บมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว
4. ติดเพื่อน เด็กม.ปลายเป็นวัยรุ่นตอนปลายที่กำลังอยากรู้อยากลองไปเสียหมด แล้วก็มักจะติดเพื่อนเป็นพิเศษ บางกลุ่มชวนกันดื่มเหล้าสูบบุหรี่ เล่นเกมจนติด บางกลุ่มชวนกันเล่นกีฬา เรียนและติวหนังสือ น้อง ๆ จึงควรเลือกคบเพื่อนให้ดีและอย่าหลงผิดเป็นอันขาด เพียงแค่น้อง ๆ มีเป้าหมายที่ชัดเจนและนึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่เข้าไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองออกนอนกลู่นอกทาง ควรชวนกลุ่มเพื่อนเล่นกีฬา ออกกำลังกาย หันมารักสุขภาพและติวหนังสือจะดีกว่า เพราะจะทำให้น้อง ๆ มีผลการเรียนที่ดี คุณพ่อคุณแม่ก็ชื่นใจและมีอนาคตที่สดใสรออยู่นั่นเอง เห็นไหมล่ะว่าการติดเพื่อนไม่ได้มีข้อเสียเสมอไปเพียงน้อง ๆ เลือกคบเพื่อนให้ถูกก็พอ
5. ความรักวัยเรียน แน่นอนว่านอกจากเรื่องเพื่อนแล้ว เด็กม.ปลายก็เป็นวัยรักวัยรุ่นอีกเช่นกัน แต่ก็ต้องให้อยู่ในขอบเขต ไม่เกินงามและระวังไม่ให้เสียการเรียน เพราะน้อง ๆ ม.ปลายเป็นวัยที่เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาที่คาดไม่คิดอย่างการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรตามมา การรู้เรื่องเพศศึกษาและรู้จักการป้องกันก็เป็นสิ่งที่น้อง ๆ พึงศึกษาไว้ แต่ทางที่ดีนั้นน้อง ๆ ควรเลี่ยงการอยู่ในที่ลับตาคนด้วยกันสองต่อสองและน้อง ๆ ต้องพึงระลึกเสมอว่าเมื่อเกิดปัญหาตามมาแล้ว น้อง ๆ จะพร้อมรับผิดชอบหรือไม่ และแน่นอนว่าวัยอย่างน้อง ๆ คงไม่พร้อมใช่ไหมล่ะ เพราะเป็นวัยเรียนที่กำลังจะก้าวสู่อนาคตอีกยาวไกลในข้างหน้าและไม่ใช่วัยที่เหมาะต่อการสร้างครอบครัว เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการดีที่สุดนั้น น้อง ๆ ผู้หญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัวและน้อง ๆ ผู้ชายก็รู้จักให้เกียรติ วางตัวให้เหมาะสม เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้ปัญหาการตั้งท้องก่อนวัยอันควรเกิดขึ้น อย่างที่เขาเรียกว่า ‘กันดีกว่าแก้’ ยังไงล่ะ ทั้งนี้น้อง ๆ ควรตั้งเป้าหมายร่วมกันและตั้งใจเรียนเพื่อทำความฝันให้เป็นจริงพร้อมกับประสบความสำเร็จไปด้วยกันนั่นเอง
6. การเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ม.ปลายถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อโดยเฉพาะน้อง ๆ ม.6 ที่น้อง ๆ ต้องสอบมากมายเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยไหนจะ GAT, PAT รวมทั้งการสอบวัดความรู้พื้นฐานในแต่ละสายวิชาชีพ แต่ก่อนอื่นใดนั้นน้อง ๆ ต้องรู้จักตัวเองเสียก่อน คือรู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยากประกอบอาชีพอะไรและอยากเข้าเรียนคณะไหนเพื่อให้แน่ใจว่าน้อง ๆ จะมีความสุขกับสิ่งที่เลือกและไม่เสียเวลาซิ่ว เพราะเมื่อเรียนจบแล้วน้อง ๆ ต้องอยู่กับสายอาชีพนั้นไปตลอดชีวิต เมื่อรู้ความชอบของตัวเองแล้วน้อง ๆ ก็จะรู้ว่าต้องเน้นวิชาไหน ต้องติวและเตรียมตัวอย่างไร ตลอดทั้งเลือกคณะหรือสาขาเรียนได้อย่างสบาย ๆ ไม่มีลังเล และน้อง ๆ ก็อาจจะขอคำแนะนำจากรุ่นพี่เพื่อนำมาพิจารณาในการตัดสินใจเลือกสาขาเรียนให้ง่ายขึ้น
เห็นไหมล่ะว่าน้อง ๆ ม.ปลายนั้นมีปัญหาไม่แพ้ผู้ใหญ่เลย แต่ก็ถือเป็นบททดสอบที่น้อง ๆ ทุกคนต้องเจอและผ่านมันไปให้ได้ ทั้งนี้เพื่อให้ก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบลื่น น้อง ๆ ต้องรู้จักวางแผนชีวิต อดทนต่อสถานการณ์และความท้าทาย มองโลกในแง่บวกเข้าไว้ ตลอดถึงรู้จักปรับตัวและรับมือกับปัญหาอย่างถูกวิธีเพราะชีวิตม.ปลายถือว่าเป็นอีกขั้นในการฝึกความเป็นผู้ใหญ่ และการจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพนั้นน้อง ๆ ก็ต้องรู้จักรับมือพร้อมกับจัดการปัญหาที่เผชิญอยู่อย่างชาญฉลาดนั่นเอง