คลังไฟเขียวกรมบัญชีกลางแจกบัตรรักษาพยาบาลข้าราชการ 5 ล้านใบ ใช้ยืนยันสิทธิลดงบรั่วไหล ถ้าลืมพกให้สำรองจ่ายก่อน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางเตรียมทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ยืนยันสิทธิการรักษาพยาบาลของข้าราชการกว่า 2 ล้านราย รวมถึงบุคคลในครอบครัวที่ได้รับสิทธิรักษาพยาบาล เช่น บิดา มารดา คิดเป็นจำนวนบัตรทั้งสิ้นราว 5-6 ล้านใบ เตรียมแจกให้ข้าราชการและผู้มีสิทธิรับการรักษาพยาบาลภายในเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ ถือเป็นโครงการทดลองระหว่างที่รอผลการศึกษาให้บริษัทประกันเข้ามาดูแลเรื่องการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด โดยระหว่างนี้ต้องพิจารณาผล กระทบทั้งตัวข้าราชการ โรงพยาบาลในการใช้บัตรนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าการแจกบัตรเพื่อให้ข้าราชการและคนในครอบครัวใช้เป็น หลักฐานยืนยันตัวบุคคลที่เข้ารับการรักษาจริง และใช้บัตรเพื่อรูดจ่ายค่ารักษาพยาบาลจะช่วยลดเรื่องการคอร์รัปชั่น การสวมสิทธิข้าราชการเพื่อเบิกค่ายา ค่ารักษาพยาบาลได้ จากปัจจุบันที่มีวงเงินเบิกจ่ายราวปีละ 7 หมื่นล้านบาทได้
สำหรับกรณีที่ข้าราชการหรือบุคคลในครอบครัวที่ลืมพกบัตรดังกล่าวในระหว่างการรักษาพยาบาล จะให้จ่ายเงินสดแทนไปก่อน แล้วกรมบัญชีกลางจะโอนเงินค่ารักษาพยาบาลผ่านระบบพร้อมเพย์คืนในบัญชีให้ภายหลัง
"บัตรที่จะแจกให้ข้าราชการจะเป็นเหมือนบัตรเครดิตไว้ใช้รักษาพยาบาล ใช้รูดจ่ายค่ารักษา ค่ายาได้ เพราะที่ผ่านได้รับร้องเรียนมามากว่า มีข้าราชการชื่ออยู่กรุงเทพฯ แต่ไปรักษาตัวที่ต่างจังหวัด เบิกยาต่างจังหวัด เชื่อว่า การให้พกบัตรจะช่วยเรื่องการยืนยันตัวบุคคลได้ คงไม่มีหมอที่ไหนมาโกงค่ารักษาพยาบาลหรอก" นายอภิศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ในการรับสวัสดิการของรัฐจะมีการจ่ายผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกัน โดยชุดแรกจะเป็นการโอนเงินใส่บัตรของผู้ได้รับสวัสดิการในการใช้สาธารณูปโภคต่างๆ จากรัฐบาล โดยเป็นบัตรที่สามารถใช้กับเครื่อง อีดีซีได้อีกด้วย
"ขณะนี้คลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้วางระบบเครื่องอีดีซี โดยตั้งเป้าให้ได้ผู้ประกอบการ 2 ราย แต่เนื่องจากมีผู้สมัครมาเพียง 2 ราย จึงอาจคัดเหลือเพียงรายเดียว หรือ 2 ราย เป็นไปได้หมด ส่วนเครื่องอีดีซีจะติดตั้งล็อตแรก 5 แสนเครื่อง ภายในปี 2561 เริ่มจากหน่วยงานราชการที่มีบริการสาธารณูปโภค เช่น ประปา ไฟฟ้า" รมว.คลัง กล่าว
ทั้งนี้ การพัฒนาระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปสู่การลดการคอร์รัปชั่นในสังคมไทยได้ระดับหนึ่ง เพราะการคอร์รัปชั่นมักจะจ่ายเป็นเงินสด การนำระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์มาใช้จะช่วยให้ตรวจสอบเส้นทางของเงินได้ ทำให้การคอร์รัปชั่นทำได้ยากขึ้น
ขอบคุณที่มาจาก โพสต์ทูเดย์ 9 กุมภาพันธ์ 2560