สำนักงานก.ค.ศ.ระดมสมอง ปรับหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ตามนโยบาย รมว.ศธ.ดูความสามารถที่อยู่ในตัวครู ส่วนกลุ่มค้างท่อที่ยื่นขอเลื่อนวิทยฐานะตาม ว13 จำนวน 5 พันรายต้องรอลุ้นมติบอร์ด ก.ค.ศ.ให้เดินหน้าต่อ หรือ ต้องเพิ่มข้อมูลตามเกณฑ์ใหม่
วันนี้ (6 ก.พ.) นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กล่าวว่า ตามที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา นั้น ขณะนี้สำนักงาน ก.ค.ศ.กำลังปรับปรุงร่างหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะตามนโยบายที่ รมว.ศึกษาธิการ มอบไว้ คือ ดูความสามารถที่มีอยู่ในตัวครู ว่ามีความรู้ ประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน โดยดูจากการสอน และการพัฒนาตนเอง ที่สะท้อนถึงความสามารถ โดยคาดเร็วๆนี้จะจัดทำร่างเสนอ นพ.ธีระเกียรติ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้น และนำเข้าที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาต่อไป
"ผมขอชี้แจงว่าหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ที่ใช้อยู่ปัจจุบันมี 3 อย่าง คือ 1.หลักเกณฑ์ตาม ว 17 เป็นการส่งผลงานทางวิชาการ ซึ่งใช้กับทุกวิทยฐานะทุกตำแหน่ง 2. หลักเกณฑ์ตาม ว13 ผู้มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ ใช้กับวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และเชี่ยวชาญ ซึ่งในหลักเกณฑ์นี้มีเงื่อนไขหนึ่ง คือ ทำข้อตกลงในการพัฒนางาน และ 3.หลักเกณฑ์ตาม ว10 ใช้ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ในการประเมินมีวิทยฐานะชำนาญการ และชำนาญการพิเศษ อย่างไรก็ตามขณะนี้มีผู้ยื่นขอประเมินตามหลักเกณฑ์ ว13 อยู่ประมาณ 5,000 ราย ก็ต้องมาหารือว่ากลุ่มที่ค้างท่อนี้ได้เดินหน้าพิจารณาไปถึงไหนแล้ว จะเดินหน้าพิจารณาต่อให้เสร็จ หรือ ต้องมาปรับให้ทำอะไรเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ใหม่หรือไม่ และทั้ง 3 หลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่จะดำเนินการอย่างไร ส่วนหลักเกณฑ์เรื่องข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือ เกณฑ์พีเอ (Performance Agreement : PA) นั้น ยังไม่มีการนำมาใช้ประเมินเลย " นายพินิจศักดิ์ กล่าว.
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560