The Leader in Me กระบวนการสร้างภาวะผู้นำให้เยาวชนไทยในศตวรรษที่ 21
คุณพรทิพย์ อัยยิมาพันธ์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทแพคริม กล่าวเปิดงาน The Leader in Me International Symposium – Rethink Leadership for Education อย่างน่าสนใจว่า การศึกษาแบบเดิมๆ จะพาเยาวชนของเราไปสู่อนาคตข้างหน้าได้อย่างไรในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ที่คนทำงานด้วยความรู้ โลกในวันหน้าต้องการคนที่พร้อมด้วย 3 ด้าน ได้แก่ ทักษะชีวิต ความเป็นผู้นำ และวิชาการ แต่ปัจจุบันเรากลับมุ่งพัฒนาวิชาการเพียงด้านเดียว เด็กๆ ยังไม่ถูกเตรียมพร้อมให้อยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีประสิทธิผล ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ต้องหันกลับมาปรับความคิดและมุมมองเกี่ยวกับการศึกษาใหม่ เพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาและร่วมกันสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะอยู่บนโลกใบนี้ เป็น ‘ผู้นำ’ ที่เป็นทั้งคนดีและคนเก่งให้กับสังคมไทยอย่างสง่างาม
มร.วิลเลียม (บิล) แมคอินไตย์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายการศึกษาต่างประเทศ จาก แฟรงคลินโควีย์ ได้แบ่งปันวิธีการสร้างทักษะชีวิตและภาวะผู้นำด้วยกระบวนการ The Leader in Me (ผู้นำในตัวฉัน) ที่สร้างจาก 7 อุปนิสัยของผู้มีประสิทธิผลสูง (The 7 Habits of Highly Effective People) ซึ่งเป็นหลักการสากลและไม่ขึ้นกับกาลเวลาของ ดร.สตีเฟน อาร์. โควีย์ โดยกระบวนการนี้จะช่วยพัฒนาเยาวชนจากภายในสู่ภายนอกแบบองค์รวมให้เกิดทักษะชีวิตรวมถึงภาวะผู้นำ และเปลี่ยนแปลงโรงเรียนให้ดีขึ้นทั้ง 3 ด้าน คือ ทักษะชีวิต/ภาวะผู้นำ วัฒนธรรมโรงเรียน และวิชาการ ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ต้องเริ่มต้นด้วยกรอบความคิด 5 ข้อต่อไปนี้
กรอบความคิด The Leader in Me (ผู้นำในตัวฉัน)
1. กรอบความคิดที่ 1: เด็กทุกคนสามารถเป็นผู้นำได้ คนส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่โตหรือมากด้วยความสามารถเท่านั้นจึงจะมีความเป็นผู้นำได้ แต่แท้จริงแล้วเด็กก็เป็นผู้นำได้ คือเป็นผู้นำชีวิตและการเรียนของตนเอง โดยมีครูและผู้ปกครองคอยสนับสนุนบทบาทผู้นำ
2. กรอบความคิดที่ 2: เด็กทุกคนมีความสามารถเฉพาะตัว เด็กทุกคนล้วนมีเรื่องที่เก่งและถนัดในแบบตนเอง หน้าที่ของครูและผู้ปกครองคือการช่วยให้เขาปลดปล่อยศักยภาพนั้นออกมาให้มากที่สุด เพราะไม่มีใครที่เก่งทุกเรื่อง
3. กรอบความคิดที่ 3: การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่ตัวเรา โรงเรียนจะดีขึ้นได้ ล้วนเริ่มจาก “คนในโรงเรียนก่อน” เป็นการเปลี่ยนแปลงจากภายในหรือตนเองก่อน แล้วจึงขยายผลออกไปสู่ภายนอก เมื่อครูเปลี่ยนและถ่ายทอดให้นักเรียน นักเรียนก็จะเปลี่ยน ในที่สุดโรงเรียนก็จะเปลี่ยนตาม
4. กรอบความคิดที่ 4: ครูปลดปล่อยศักยภาพให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง เปลี่ยนจากการเรียนการสอนแบบเก่าคือมีครูคอยจับมือทำและให้คำสั่งมาเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนเลือกวิธีการเรียนรู้ ได้ลองผิดลองถูก โดยที่ครูคอยดูแลและแนะนำให้เขาค้นพบวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง
5. กรอบความคิดที่ 5: พัฒนาศักยภาพของนักเรียนในทุกด้าน นักเรียนจะเป็นเลิศได้เมื่อได้รับการพัฒนาแบบองค์รวม คือทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ความคิด และจิตวิญญาณ คือต้องพัฒนาให้ครบทั้ง 4 ด้าน ไม่ใช่เพียงพัฒนาด้านวิชาการเท่านั้น
เมื่อผู้บริหารสถาบันการศึกษา ครู นักเรียน และรวมถึงผู้ปกครองมีกรอบความคิดทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว จึงเริ่มพัฒนาหลักการ 7 อุปนิสัยของผู้มีประสิทธิผลสูงให้กับทีมผู้บริหารและคณะครูก่อน เพื่อให้แนวคิด ทักษะ และเครื่องมือที่ได้ไปใช้ในชีวิตการทำงานประจำวัน แล้วจึงนำไปถ่ายทอดให้กับนักเรียนผ่านการเรียนการสอนและวัฒนธรรมใหม่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ จนซึมซับภาวะผู้นำเข้าไปในตัวเยาวชนทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีผู้ปกครองช่วยสนับสนุนด้วยการนำหลักการไปใช้ที่บ้าน
ดร.นาฎฤดี จิตรรังสรรค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตบางนา จ.สมุทรปราการ และ ผอ.เชษฐา ตันตราภรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนตันตรารักษ์ จ.ชลบุรี ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และวิธีการสร้างภาวะผู้นำให้กับเยาวชนและวัฒนธรรมของโรงเรียนด้วยกระบวนการ The Leader in Me จนได้รับการรับรองให้เป็นโรงเรียนต้นแบบผู้นำร่วมกับโรงเรียนอีก 260 แห่งทั่วโลกจากแฟรงคลินโควีย์ ทั้งสองโรงเรียนพบผลสำเร็จ คือ นักเรียนใฝ่การอ่านมากขึ้น 16% มีความรับผิดชอบสูงขึ้น 25% มีผลการเรียนที่สูงขึ้น 35% โดยผู้อำนวยการทั้งสองเล่าว่า The 7 Habits เป็นพื้นฐานอุปนิสัยสู่ความสำเร็จของนักเรียนที่เห็นมาแล้วรุ่นแล้วรุ่นเล่า การนำ The Leader in Me ซึ่งเป็นกระบวนการที่เป็นขั้นเป็นตอนเข้ามาใช้ในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นครู นักเรียนก็สามารถนำหลักการ The 7 Habits มาใช้ในการเรียนและการทำงาน ทำให้ผลการเรียนดีขึ้น วัฒนธรรมโรงเรียนดีขึ้น โครงการต่างๆ ก็ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย และที่สำคัญคือคนในโรงเรียนมีความสุขมากขึ้น
คำว่า “ผู้นำ” ไม่ใช่เรื่องพรสวรรค์ หากแต่เป็นศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเด็กทุกคน โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้นำในตัวเอง รับผิดชอบชีวิตและผลลัพธ์จากการกระทำของตัวเอง และทุกการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นได้ที่กรอบความคิด หากทุกคนในโรงเรียนจับมือและร่วมเดินทางไปพร้อมกัน ด้วยความเชื่อมั่นที่ว่า “เด็กทุกคนเป็นผู้นำได้ และเด็กทุกคนมีศักยภาพ” การสร้างเยาวชนที่พร้อมด้วยภาวะผู้นำและทักษะชีวิตที่เป็นรากฐานของความสำเร็จในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
**************************************
บริษัท แพคริม ฟิวเจอร์ ลีดเดอร์ จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัทแพคริม ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาศักยภาพผู้นำให้แก่องค์กรชั้นนำต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน มุ่งหวังที่จะร่วมสนับสนุนการเสริมสร้างภาวะผู้นำในเยาวชนไทยยุคใหม่ เพื่ออนาคตที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2728 0200 ต่อ 3 หรือ info@pacrimfutureleaders.com