สรุปเนื้อหาเรื่องผู้นำแห่งความสำเร็จ
1. ) Concept รวบยอดของบทความ ได้แก่
ผู้นำแห่งความสำเร็จ มีองค์ประกอบของผู้นำที่ทรงประสิทธิภาพ 10 ประการ คือ
1.1 การตัดสินใจที่เด็ดขาด ผู้นำที่รู้จักตัดสินใจอย่างเด็ดขาด มักมีคุณสมบัติพิเศษของผู้นำถ้าผู้นำมีความมุ่งมั่น ตัดสินใจเร็ว ไม่โลเล เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ ลูกน้องก็จะเกิดความมั่นใจ เชื่อถือ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 มีเป้าหมายชัดเจน ผู้นำจะต้องมีมีจุดยืน มีอุดมการณ์ หรือมีจุดหมายที่ชัดเจน เพื่อที่จะสามารถมุ่งหน้าไปยังจุดๆ นั้นได้ง่าย และเร็วขึ้น เพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ คนที่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่นั้น ย่อมดีกว่าเดินไปคิดลังเลไป เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
1.3 รู้จักใช้คน ผู้นำที่ดีต้องรู้จักลูกน้องของตนว่าใครเหมาะที่จะทำอะไร งานไหนควรให้ใครรับผิดชอบ คนไหนเก่งอะไร มีข้อบกพร่องด้านใดอยู่บ้าง ก็พยายามแก้ไขให้เขาสมบูรณ์แบบขึ้น ใครขาดใครเกินส่วนไหน ก็ปรับแต่งให้ลงตัว ตามหลักที่ว่า Put he right man on the right job.
1.4 มีความซื่อสัตย์ ผู้นำต้องเป็นตัวอย่างของความซื่อสัตย์ต่อองค์กรด้วย การเป็นเจ้านายเป็นคนเก่ง และเป็นคนดีที่ไว้ใจได้เป็น คุณสมบัติเช่นนี้ก็จะเป็นแบบอย่างให้ลูกน้องตระหนักถึงคุณลักษณะที่ดี ของเขา เขาควรจะยิ่งต้องยึดถือความสัตย์ซื่อเป็นสรณะตามไปด้วย
1.5 สนับสนุนลูกน้อง ผู้นำที่ดีต้องให้โอกาสลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ให้มีโอกาสให้เขาได้ทำงานที่พิสูจน์ความสามารถของเขา งานใดจะส่งเสริมให้ความสามารถของลูกน้องโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ ก็ควรสนับสนุน ให้มีโอกาสเขาได้เจริญเติบโต ผู้นำที่ดีต้องสร้าง ลูกน้องให้เก่งขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าเขาจะเลื่อนขั้นขึ้นมาทำงานแทนได้ในภายภาคหน้า
1.6 มีมนุษยสัมพันธ์ดี ผู้นำที่ดีต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดี ทั้งในและนอกองค์กร มีการพบปะสังสรรค์กันนอกเวลางานบ้าง เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน และจะส่ง ผลให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น
1.7 รู้จักรับฟังความคิดเห็นของลูกน้อง ผู้บริหารต้องรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา มีใจกว้าง ที่จะรับฟังข้อเสนอแนะและถ้าเป็นข้อเสนอแนะที่ดีก็สนับสนุน พยายามสร้างบรรยากาศให้ผู้ใต้บังคับบัญชา กล้าแสดงความคิดเห็น แต่ต้องไม่เป็นคนหูเบา และในการเปิดโอกาสแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีนั้น ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขต ควรอยู่ในลักษณะการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นมากกว่าการกล่าวโจมตี
1.8 มีบุคลิกภาพดีเยี่ยม เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง ผู้นำหรือเจ้านายควรเป็นผู้มีบุคลิกดี แต่งกายเหมาะสมกับรูปร่าง หรือ ฐานะทางสังคม ต้องดูสะอาดสะอ้าน ดูสุภาพ เข้างานสังคมได้อย่างไม่ขัดหูขัดตา และมีบุคลิกดึงดูดใจ น่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
1.9 มีศิลปะในการเจรจา ในการพูดนั้นต้องคิดก่อน มีการเตรียมการมาก่อน ความคิดต้องไม่สับสน พูดอย่างสั้น กระชับ ตรงประเด็น จริงใจ เป็นธรรมชาติ พูดด้วยความนุ่มนวล พูดอย่างรู้จักไตร่ตรอง รู้จักสถานการณ์ รู้คิด รู้กาลเทศะ และรู้จักคนที่เรากำลังเจรจา พูดจาต้องมีหางเสียง มีจังหวะจะโคนที่ราบรื่น มีเสียงหนักเบาเพื่อเน้นความสำคัญของสิ่งที่พูด และไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ สายตาควรจับจ้องไปยังผู้ฟังถ้วนทั่ว และเมื่อพูดจบ จงแสดงท่าทีว่าคุณพร้อมแล้วที่จะรับฟังความเห็นของคนอื่น ไม่ปิดกั้น ไม่คิดว่าสิ่งที่คุณพูดไปนั้นดีที่สุด ถูกต้องที่สุดกว่าคนอื่นๆ แต่มันมีความถูกต้องรอบคอบอย่างที่สุดแล้ว จากความคิดของคุณ คนอื่นๆ มีความคิดเห็นอย่างไร ต้องเปิดโอกาสให้เขาแสดงออกมา เพื่อได้รับแรงสนับสนุน หรือหากถูกค้าน ก็เป็นโอกาสที่เราจะอธิบายเพิ่มเติมได้
1.10 มีความเป็นผู้นำ ความเป็นผู้นำสำคัญสูงสุด ผู้นำมีความคิดที่เฉียบคม การลงมือที่เฉียบขาด และมีการประสานงานที่เฉียบแหลม มักจะอยู่ข้างหน้าผู้อื่นเสมอ ทั้งการคิด การแสดงความคิดเห็น การลงมือทำ และความรับผิดชอบ พร้อมจะผิดก่อนคนอื่น และอธิบายถึงความผิดพลาดนั้นอย่างกล้าหาญ ถูกต้อง และแสดงภูมิรู้ว่าเขาเกิดการเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ พร้อมจะนำพาทุกคนให้ก้าวพ้นความผิดพลาดนั้นๆ ปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง เข้าใจองค์กรและเห็นใจผู้ร่วมงาน ประสานประโยชน์ขององค์กรและผู้ร่วมงานได้ดี ได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากผู้ร่วมงานในทุกระดับ
2. จุดเด่นของบทความ ที่นำไปใช้ในการทำงานในหน้าที่ปัจจุบัน( ระบุเป็นข้อ )
ความรู้จากบทความ เรื่อง ผู้นำแห่งความสำเร็จ
1. การตัดสินใจเด็ดขาด นำไปเป็นคุณสมบัติพิเศษของผู้นำโดยการมีความมุ่งมั่น มีตัดสินใจเร็ว ไม่โลเล เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ ทำให้ลูกน้องก็จะเกิดความมั่นใจ เชื่อถือ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยก่อนที่จะมีการตัดสินใจจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้องตามหลักการ มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ ถูกต้อง ทันสมัย มีการเก็บข้อมูลที่ฉับไว รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสืบค้นข้อมูล โดยก่อนที่จะตัดสินสินใจจะต้อง มีการอภิปรายในองค์กร มีการแยกแยะข้อดีข้อเสีย โดยสร้างทางเลือก รู้สถานการณ์ และนำหลักการการมีส่วนร่วมมาใช้โดยเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานเสนอความคิดเห็น และข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ซึ่งจะทำให้งานบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ในการทำหน้าที่ผู้นำ ซึ่งต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ ในการบริหารงาน โดยเฉพาะการบริหารคน ซึ่งถือว่าคนทุกคนมีศักดิ์ศรี มีคุณค่า สามารถพัฒนาได้ เมื่อได้ใจคนที่ทำงานร่วมกับเราแล้วก็ย่อมที่จะได้งานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามมา เราสามารถนำเอาความรู้ไปประยุกต์ใช้ ดังนี้
2. การมีเป้าหมายชัดเจน นำไปใช้โดยผู้บริหารต้องถือว่าเป้าหมายขององค์กร มีความสำคัญ เป็นงานหลักในหน้าที่ จึงต้องศึกษาแผนการศึกษาแห่งชาติ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ( ปรับปรุง 2545) นโยบายแนวทางของรัฐบาล จุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษา ความต้องการของชุมชน และท้องถิ่น ถือเป็นจุดหมายที่องค์กรมีร่วมกันโดยมีมีการทำงานเป็นทีมเพื่อให้ถึงเส้นชัย การมีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจนแล้ว เราก็สามารถมุ่งหน้าไปยังจุดๆ นั้นได้ง่าย และเร็วขึ้น เพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งเมื่อนำมาปฏิบัติแล้วก็เกิดผลดีต่อการดำเนินงาน เป็นอย่างยิ่ง
3. การรู้จักใช้คน นำมาใช้ประโยชน์โดยการรู้จักใฝ่หาคนที่เป็นคนดี มีความสามารถมาเป็นพวก โดยใช้หลัก Put the right man on the right job. คือ
- รู้จักมอบหมายงานให้ตามความถนัดและสนใจ ทราบความสามารถของลูกน้องของตนว่าใครเหมาะที่จะทำอะไร งานไหนควรให้ใครรับผิดชอบ คนไหนเก่งอะไร มีข้อบกพร่องด้านใดอยู่บ้าง ก็พยายามแก้ไขให้เขาสมบูรณ์แบบขึ้น ใครขาดใครเกินส่วนไหน ก็ปรับแต่งให้ลงตัว
- การรู้จักนิสัยใจคอ ความชอบส่วนตัวของลูกน้อง นอกจากจะทำให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพขึ้นแล้ว ยังเป็นข้อหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ผู้นำเอาใส่ใจต่อลูกน้องของเขาเป็นอย่างดี
4. ความซื่อสัตย์ นำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานคือเป็นตัวอย่างของความซื่อสัตย์ต่อองค์กร ไม่ฉ้อราษฎรบังหลวง โดยเฉพาะเรื่องเงิน โดยบริหารการเงินด้วยความโปร่งใส เปิดเผย สามารถตรวจสอบได้ มีการเบิกจ่ายเงินตามระเบียบว่าด้วยการเงินและพัสดุ มีการเก็บหลักฐานการเงิน ทำงานแบบเปิดเผย ไม่กินเล็กกินน้อยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน ไม่เอารัดเอาเปรียบลูกน้อง คุณสมบัติเช่นนี้ก็จะเป็นแบบอย่างให้ลูกน้องตระหนักถึงคุณลักษณะที่ดี ของผู้นำ ซึ่งทำให้ลูกน้องยึดถือความสัตย์ซื่อเป็นแบบอย่างตามไปด้วย
5. การสนับสนุนลูกน้อง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานได้ โดยการให้ โอกาสลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ได้ทำงานที่พิสูจน์ความสามารถของเขาด้วย งานใดจะส่งเสริมให้ความสามารถของลูกน้องโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ ก็ควรสนับสนุน ไม่แย่งผลงานและโอกาสในการสร้างผลงานของลูกน้องมาเป็นผลงานของตัวเอง ให้โอกาสเขาได้เจริญเติบโต พร้อมทั้งผลักดัน สนับสนุน ให้สร้างเสริมความสามารถให้ยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆผู้นำที่ดีต้องสร้าง ลูกน้องให้เก่งขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าเขาจะเลื่อนขั้นขึ้นมาทำงานแทนได้ในภายภาคหน้า
6. มีมนุษยสัมพันธ์ดี นำไปใช้ประโยชน์คือ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคน ทั้งในและนอกองค์กร หลักมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ที่ควรยึดถือคือ
- ยิ้มแย้มแจ่มใส
- มีการยอมรับศักดิ์ศรีของความเป็นคน
- ให้ความเห็นอกเห็นใจ
- ให้บำเหน็จความชอบตามโอกาสอันควร
- เอาใจเขามาใส่ใจเรา
- มีความเข้าใจอันดีต่อกัน
- รู้จักกาลเทศะ
- รู้จักควบคุมตนเอง
- รู้จักศิลปะการวิพากษ์วิจารณ์
- รู้จักวิธีส่งเสริมให้กำลังใจ
- รู้จักศิลปะการฟัง
- รักษาผลประโยชน์ของผู้ใต้บังคับบัญชา
- เสมอต้นเสมอปลาย
- มีน้ำใจต่อลูกน้อง
- หมั่นสำรวจตนเองเพื่อปรับปรุงข้อบกพร่องของตนเอง
- เอาใจใส่ลูกน้องแม้เพียงเรื่องเล็กน้อยก็อย่ามองข้าม
โดยยึดหลักว่า ทำอย่างไรให้เขามีความสุข ต้องยอมรับว่าคนอื่นก็เก่ง เอาความเก่งของทุกคนมารวมพลังกันให้เกิดความสำเร็จ ผลประโยชน์ที่พึงจะได้รับต้องรู้จักแบ่งปันกัน
7. การรู้จักรับฟังความคิดเห็นของลูกน้อง นำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานคือ การรู้จัก รับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา มีใจกว้าง ที่จะรับฟังข้อเสนอแนะและถ้าเป็นข้อเสนอแนะที่ดีก็สนับสนุน พยายามสร้างบรรยากาศให้ผู้ใต้บังคับบัญชา กล้าแสดงความคิดเห็น แต่ต้องไม่เป็นคนหูเบา และในการเปิดโอกาสแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีนั้น ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขต ควรอยู่ในลักษณะการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นมากกว่าการกล่าวโจมตี ในบางครั้งลูกน้องมีปัญหาในเรื่องต่างๆ เราควรที่จะแสดงความยินดีที่จะรับฟังปัญหาความทุกข์ใจ เดือดร้อนโดยการปลอบใจ เสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหา
8. การมีบุคลิกภาพที่ดี นำมาใช้ประโยชน์คือ การรู้จักปรับปรุงบุคลิกภาพให้ดี ฝึกฝนตนเองให้มีบุคลิกภาพที่น่ารัก เช่น การมีวาจาที่สุภาพ ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยน ปฏิบัติตัวตามมารยาทของสังคม รู้กาลเทศะในการแต่งกายเหมาะสมกับรูปร่าง หรือ ฐานะทางสังคม ต้องดูสะอาดสะอ้าน ดูสุภาพ เข้างานสังคมได้อย่างไม่ขัดหูขัดตา และมีบุคลิกดึงดูดใจ น่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป เป็นคนรู้จักยิ้มแย้มแจ่มใส มีอารมณ์ขัน ไม่เคร่งเครียด สามารถสร้างบรรยากาศให้สดชื่นไม่น่ารำคาญ ฝึกฝนตนเองให้มีหน้าตาที่สดชื่นแจ่มใส ตื่นตัว หนังเอาเบาสู้ มีความมั่นใจในตนเองแต่ไม่หลงตัว มีความจริงใจต่อผู้ร่วมงาน ไม่วางตัวเหนือผู้อื่น ไม่ยกตนข่มท่าน คำนึงถึงผู้อื่นและส่วนรวมเป็นสำคัญ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาแต่ใจตนเอง มีความเมตตา กรุณา ช่วยให้เขาพ้นทุกข์ มีความยินดีเมื่อลูกน้องมีความสุขสมหวัง วางตัวเป็นกลางคงไว้ซึ่งความยุติธรรม มีความอดทนสูง
9. การมีศิลปะในการเจรจา สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานได้คือนำไปปรับปรุงการพูดจาให้นุ่มนวล พูดอย่างรู้จักไตร่ตรอง รู้จักสถานการณ์ รู้คิด รู้กาลเทศะ และรู้จักคนที่เรากำลังเจรจาด้วย ความสำเร็จก็รออยู่ไม่ไกล ในการพูดนั้นต้องคิดก่อน มีการเตรียมการมาก่อน ความคิดต้องไม่สับสน พูดอย่างสั้น กระชับ ตรงประเด็น จริงใจ เป็นธรรมชาติ ใช้เสียงที่ดังพอประมาณ คือให้คู่สนทนาได้ยินชัดเจน หากมีผู้ร่วมสนทนาหลายคน ทุกคนต้องได้ยินเสียงพูดอย่างทั่วถึงกัน พูดจาต้องมีหางเสียง มีจังหวะจะโคนที่ราบรื่น มีเสียงหนักเบาเพื่อเน้นความสำคัญของสิ่งที่พูด และไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ สายตาควรจับจ้องไปยังผู้ฟังถ้วนทั่ว และเมื่อพูดจบ จงแสดงท่าทีว่าคุณพร้อมแล้วที่จะรับฟังความเห็นของคนอื่น ไม่ปิดกั้น ไม่คิดว่าสิ่งที่คุณพูดไปนั้นดีที่สุด ถูกต้องที่สุดกว่าคนอื่นๆ แต่มันมีความถูกต้องรอบคอบอย่างที่สุดแล้ว จากความคิดของคุณ คนอื่นๆ มีความคิดเห็นอย่างไร ต้องเปิดโอกาสให้เขาแสดงออกมา เพื่อได้รับแรงสนับสนุน หรือหากถูกค้าน ก็เป็นโอกาสที่เราจะอธิบายเพิ่มเติมได้
ในการเจรจานั้นถือว่าเป็นติดต่อต่อสื่อสาร ที่สำคัญคือ การสั่งการนั้นจะต้องสั่งการถูกต้อง ชัดเจน คนฟังปฏิบัติได้ รวมถึงเรื่องการประสานงานจะต้องถูกต้องตามหลักการเพราะถ้าประสานงานไม่ดี ไม่ตรงตามจุดประสงค์ก็จะกลายเป็นประสานงา
10. การมีความเป็นผู้นำ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากเพราะ ความเป็นผู้นำ สำคัญสูงสุด ที่จะนำพาองค์สู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยฝึกตนให้มีพฤติกรรมการเป็นผู้นำ ดังนี้
1. สร้างเอกภาพความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยการสร้างงานด้วยการมีส่วนร่วม คิด ร่วมตัดสินใจ เพื่อให้บุคคลในองค์กรเกิดความรู้สึกผูกพันกับงานและองค์กร และสร้างข้อตกลงในองค์กรร่วมกันในการปฏิบัติงาน
2. สร้างความจงรักภักดีต่อองค์กรและศรัทธาต่อผู้นำ ชี้ให้ลูกน้องเห็นคุณค่าขององค์กร เพราะคนจะได้ดี ก้าวหน้าถ้าองค์กรก้าวหน้า และจะพยายามทำตัวให้มีคุณค่าต่อองค์กร
3. สร้างความเชื่อใจ เชื่อถือ เชื่อมั่นให้กับบุคคล โดยการส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือให้คนในองค์กรได้พัฒนาศักยภาพ มีการมอบหมายงานในหน้าที่ให้เหมาะสมกับคบ สร้างความภูมิใจเพื่อจะได้ทำงานได้สำเร็จ โดยใช้พฤติกรรมผู้นำในการจูงใจ ให้ค่าตอบแทนเมื่อทำงานสำเร็จ ใช้พฤติกรรมผู้นำในการติดต่อสื่อสาร เป็นการติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทาง สร้างคนและพัฒนาคน
4. สร้างทีมงาน โดยสร้างความไว้ใจกัน ร่วมคิด ร่วมทำ แสดงความคิดเห็นร่วมกันและรับผลประโยชน์ร่วมกัน ทำงานด้วยความเต็มใจ มีการยอมรับผู้อื่น มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
5. สร้างบรรยากาศที่ดีในองค์กร สร้างความรู้ ข้อมูล ประสบการณ์แก่ครู สร้างจิตสำนึกที่ดี มีความรับผิดชอบการทำงาน มีความรับผิดชอบในหน้าที่ สร้างบรรยากาศในการแข่งขัน มอบหมายงานไม่ให้มีการซ้ำซ้อน โดยมีการสอดคล้องประสานงานกัน
6. ปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างการบริหาร ไม่ให้มีการทำงานแบบซ้ำซ้อน มีการกระจายงาน กระจายความรับผิดชอบ ให้ประสบการณ์ในการทำงาน ให้โอกาสลูกน้องเรียนรู้งาน ผู้นำต้องรู้จักรับผิดชอบเมื่องานผิดพลาด
7. ทำการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนางาน โดยการกำหนดแนวทางตามสภาพการศึกษา เศรษฐกิจ และพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ยกย่องคนทำดี และเชิดชูเกียรติ
8. ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา โดยการระดมทุน คน ร่วมวางแผน โดยประสานกับภายนอกองค์กร เช่นหน่วยงานของรัฐ ศิษย์เก่า เป็นต้น
9. รู้จักแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้ง
10. รู้จักประเมินผลการบริหาร
จากบทความที่ได้ศึกษา ทำให้ทราบว่า ผู้นำที่จะประสบความสำเร็จในการบริหารงานไปสู่เป้หมายได้ดีนั้นจะต้อง รู้รู้จักผสมผสานส่วนดีจากการเรียนรู้ต่างๆ มาเป็นของตนเอง มีความพร้อม มีความสามารถในรอบด้าน และที่สำคัญคือจะต้องรู้จักครองตน คือปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรม มีความรู้ดี มีความรับผิดชอบดี มีความเสียสละ มีความยุติธรรม น่าเลื่อมใส ศรัทธา ครองคน คือรู้จักมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี การให้มีส่วนร่วม การมีความจริงใจต่อกัน การยกย่องให้เกียรติกัน มีศิลปะ ในการจูงใจคน มีวิธีการสื่อสารที่ดี มีความเสียสละ ครองงานคือมีวิสัยทัศน์ มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ ทำงานเป็นระบบ มีการประสานงานและการกระจายอำนาจ รู้จักมอบหมายงาน มีการติดตามและประเมินผล สิ่งต่างๆที่กล่าวมานี้จะทำให้การบริหารงานได้ประสบผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล