ศธ.ปักธงครูสอนภาษาอังกฤษ 1.3 หมื่น..ชัดเป๊ะเว่อร์! จับมือบริติชเคานซิล ขยายศูนย์พัฒนาทักษะระดับภูมิภาค มีเป้าหมายใหญ่การพัฒนาทักษะทางภาษาแก่เด็กไทย ให้ได้มาตรฐาน CEFR ของยุโรป
ม.ล.ปริยดา ดิศกุล เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ศธ.เล็งเห็นความสำคัญของการยกระดับภาษาอังกฤษของคนไทย ให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์การศึกษาชาติ ระยะ 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 2 เรื่องการสร้างความสามารถทางการแข่งขัน จึงดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษอย่างเร่งด่วน โดยมีเป้าหมายว่าอนาคตนักเรียนไทยต้องมีมาตรฐานภาษาอังกฤษเทียบเท่ามาตรฐาน CEFR ของสหภาพยุโรป โดยนักเรียนที่จบ ม.3 จะต้องได้มาตรฐาน ระดับ A2 คือสามารถใช้และเข้าใจประโยคในชีวิตประจำวันระดับกลาง และนักเรียนที่จบ ม.6 ต้องได้ระดับ B1 คือ สามารถพูด เขียน จัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษได้
ม.ล.ปริยดา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังจัดทำแอพพลิเคชั่น Echo English เพื่อฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษด้วยตนเอง การเพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เป็นสัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง โดยเริ่มที่ชั้น ป.1-ป.3 การจัดค่ายภาษาอังกฤษแบบเข้ม (English Boot Camp) แก่ครูสอนภาษาอังกฤษแกนนำ ซึ่งครูที่เข้ารับการอบรมมีความสามารถด้านภาษาสูงขึ้น มีความมั่นใจในการใช้เทคนิคการสอนรูปแบบใหม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของนักเรียนอย่างเห็นได้ชัด
"ศธ.ได้ร่วมมือกับบริติชเคานซิล จัดตั้งศูนย์พัฒนาครูภาษาอังกฤษระดับภูมิภาค เพื่อขยายการจัดอบรมค่ายภาษาอังกฤษแบบเข้ม ให้ทั่วถึงมากขึ้น โดยขณะนี้มี 8 ศูนย์ ได้แก่ รร.เตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ รร.ขอนแก่นวิทยายน รร.วัฒโนทัยพายัพ รร.สุราษฎร์พิทยา รร.ชลกัลยานุกูล รร.เบ็ญจะมะมหาราช รร.สุรนารีวิทยา และ รร.เฉลิมขวัญสตรี และจัดขยายให้ได้ 18 ศูนย์ โดยตั้งเป้าพัฒนาครูสอนภาษาอังกฤษให้ได้ไม่ต่ำกว่า 13,500 คนในปี 2561" ม.ล.ปริยดา กล่าว
ขอบคุณที่มาจาก สยามรัฐ 22 มกราคม 2560