วันที่ 10 มกราคม 2560 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2560 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของกระทรวงศึกษาธิการ รายละเอียด ดังนี้
คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑/๒๕๖๐
เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของกระทรวงศึกษาธิการ
โดยที่ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการมี อ.ก.พ. กรม ที่ปฏิบัติหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง จํานวนห้าคณะ ตามที่กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการกําหนดไว้ แต่การดําเนินการ ในลักษณะดังกล่าวส่งผลให้การบริหารงานบุคคลของกระทรวงศึกษาธิการมีความแตกต่างและไม่เป็น เอกภาพในด้านมาตรฐานของการบริหารงานบุคคล นอกจากนี้ ในการบริหารราชการของ กระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาคยังมีปัญหาเกี่ยวกับอัตรากําลังและการกําหนดตําแหน่งศึกษาธิการภาค และรองศึกษาธิการภาคเพื่อรองรับการจัดตั้งสํานักงานศึกษาธิการภาค ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๕๙ เรื่อง การบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร่งด่วน จึงจําเป็นต้องกําหนดให้กระทรวงศึกษาธิการมี อ.ก.พ. ขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อทําหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง เพียงคณะเดียว และให้มีการเกลี่ยอัตรากําลังในกระทรวงศึกษาธิการเพื่อกําหนดตําแหน่งและแต่งตั้งเป็น ศึกษาธิการภาคและรองศึกษาธิการภาค อันจะทําให้สามารถขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบ แห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการมี อ.ก.พ. กระทรวง คณะหนึ่ง ประกอบด้วย
(๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
(๒) ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธาน
(๓) อนุกรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผู้แทน ก.พ. ซึ่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนในสํานักงาน ก.พ. จํานวนหนึ่งคน
(๔) อนุกรรมการซึ่งประธานแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในความสามารถมาแล้ว และมิได้เป็นข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ จํานวนไม่เกินสามคน
(๕) อนุกรรมการซึ่งประธานแต่งตั้งจากข้าราชการพลเรือนผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการซึ่งต้องมิใช่อนุกรรมการตาม (๓) โดยให้คัดเลือกกันเองจากข้าราชการ พลเรือนผู้ดํารงตําแหน่งดังกล่าว จํานวนไม่เกินห้าคน
ให้ อ.ก.พ. นี้ต้งั เลขานุการ จํานวนหนึ่งคน
ข้อ ๒ ให้ อ.ก.พ. กระทรวง มีอํานาจหน้าที่ตามที่กําหนดไว้ในมาตรา ๑๖ แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ และตามกฎหมายอื่น
ข้อ ๓ หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาหรือการเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการตาม ข้อ ๑ (๔) และ (๕) วาระการดํารงตําแหน่ง และจํานวนขั้นต่ำของอนุกรรมการดังกล่าว ให้เป็นไป ตามที่กําหนดในกฎ ก.พ.
ในกรณีที่ไม่สามารถดําเนินการให้เป็นไปตามกฎ ก.พ. ตามวรรคหนึ่งได้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ ทําความตกลงกับ ก.พ.
ข้อ ๔ ให้สํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบงานธุรการของ อ.ก.พ. กระทรวง
ข้อ ๕ มิให้นําความในมาตรา ๒๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้บังคับแก่ อ.ก.พ. กรม ของสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทั้งนี้ ให้ อ.ก.พ. กรม ดังกล่าวปฏิบัติ หน้าที่ตามอํานาจหน้าที่ของ อ.ก.พ. กรม ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑
ข้อ ๖ ในวาระเริ่มแรกให้ อ.ก.พ. กระทรวง ประกอบด้วยอนุกรรมการตามข้อ ๑ (๑) (๒) และ (๓) จนกว่าจะได้แต่งตั้งอนุกรรมการตามข้อ ๑ (๔) และ (๕) ซึ่งต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ
ข้อ ๗ การใดที่อยู่ในระหว่างการดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ของ อ.ก.พ. กรม ของ สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ปฏิบัติหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง ตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ อยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ ให้ อ.ก.พ. กระทรวง ตามคําสั่งนี้เป็นผู้ดําเนินการต่อไป
ให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางานอื่นใด ซึ่ง อ.ก.พ. กรม ที่ปฏิบัติ หน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง แต่งตั้งไว้อยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า อ.ก.พ. กระทรวง ตามคําสั่งนี้จะได้มีคําสั่งเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๘ ให้กระทรวงศึกษาธิการมีตําแหน่งศึกษาธิการภาค จํานวนสิบสองตําแหน่ง เป็น ข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง และมีตําแหน่งรองศึกษาธิการภาค จํานวนสิบสองตําแหน่ง เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้น โดยให้ กระทรวงศึกษาธิการดําเนินการเกลี่ยอัตรากําลังภายในกระทรวงศึกษาธิการเพื่อนําไปใช้ในการกําหนด ตําแหน่ง
การเกลี่ยอัตรากําลังตามวรรคหนึ่ง ให้ตัดโอนอัตราตําแหน่งและเงินงบประมาณแผ่นดินประจําอัตรา รวมตลอดทั้งงบบุคลากรที่จ่ายในลักษณะเงินเดือน ค่าจ้างประจํา และเงินอื่นที่เกี่ยวข้องซึ่งตั้งไว้สําหรับ ตําแหน่งที่เกลี่ยนั้นมาเป็นของสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และการโอนหรือการนํารายจ่าย ที่กําหนดไว้สําหรับส่วนราชการใดในกระทรวงศึกษาธิการตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจําปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมไปใช้สําหรับสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นอกเหนือจากกรณีตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ ให้กระทําได้
ข้อ ๙ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบ แห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ ๑๐ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ดาวน์โหลดราชกิจจานุเบกษา
ที่มา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา 10 มกราคม 2560
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551