ดร.บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ ศธ. ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบกับการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการสงเคราะห์การรักษาพยาบาลที่เกินวงเงินที่กำหนด ทั้งนี้จากเดิมประกาศกองทุนสงเคราะห์ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการสงเคราะห์ เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเอกชนในระบบ ฉบับลงวันที่ 24 ธ.ค.2551 กำหนดให้ผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเอกชนซึ่งส่งเงินสะสมติดต่อกันมาแล้วครบ 2 เดือน มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการสงเคราะห์ เป็นค่ารักษาพยาบาลตนเอง หรือเมื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นคนไข้สถานพยาบาลของราชการและเอกชน เบิกค่ารักษาพยาบาลรวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ตั้งแต่เดือน ม.ค.ถึงเดือน ธ.ค.ของทุกปี แต่ในทางปฏิบัติแต่ละปีจะมีผู้เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลค่อนข้างสูง คณะกรรมการกองทุนฯได้พิจารณาแล้วมีมติให้ผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง 3 โรค คือ โรคหัวใจ โรคไตและโรคมะเร็ง เบิกจ่ายเพิ่มได้รายละไม่เกิน 12,500 บาทต่อปีปฏิทิน
ดร.บัณฑิตย์กล่าวด้วยว่า นอกจากคณะกรรมการกองทุนฯ จะให้ผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง 3 โรคดังกล่าวสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ครบวงเงินที่กำหนดแล้ว ยังให้เบิกค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติมได้อีกบางส่วน รายละไม่เกิน 12,500 บาท จำนวน 600 ราย ทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2560 ถึง 31 ธ.ค.2560 โดยผู้มีสิทธิใช้สวัสดิการเพิ่มในส่วนนี้ต้องเป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง 3 โรคดังกล่าว โดยต้องเป็นผู้มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป และนำเงินสะสมเข้ากองทุนฯครบถ้วน ไม่เคยได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลจากหน่วยงานอื่น และมีใบรับรองแพทย์ด้วย.
ขอบคุณที่มาจาก ไทยรัฐ วันที่ 5 มกราคม 2560