ปฏิทินที่เราใช้ทุกวันนี้ มีที่มาจากระบบการนับเดือนและวันแบบโรมัน จึงเป็นเหตุผลที่ชื่อเดือนส่วนใหญ่จึงมาจากเทพเจ้าของชาวโรมัน และส่วนที่เหลือก็มาจากชื่อจักรพรรดิของจักรวรรดิโรมัน
เท่าที่มีหลักฐานปรากฏ พบว่ามนุษย์รู้จักการทำและการดูปฏิทินมาตั้งแต่ก่อนที่จะรู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษรโดยการสังเกตจากการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว จากนั้นก็นำก้อนหินมาวางเรียงกันไว้เป็นสัญลักษณ์บอกช่วงเวลา อย่างเช่น Stonehenge ที่อังกฤษ หรืออย่างชาวสุเมเรียนผู้ครองดินแดนเมโสโปเตเมียเมื่อกว่า 3,700 ปีก่อน ค.ศ. ได้แบ่งช่วงเวลา 1 ปี ออกเป็น 12 เดือน และกำหนดให้วันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ (Vernal Equinox) เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่งระยะเวลากลางวันยาวนานเท่ากับกลางคืน ซึ่งต่อมาชาวไอยคุปต์นำความรู้นี้ไปพัฒนาต่อยอดอีกมากมาย
ส่วนที่มาของชื่อเดือนแต่ละเดือนนั้น เป็นดังนี้ครับ
มกราคม (January)
เดือนนี้ตั้งตามชื่อเทพเจ้า “Janus” (ชื่อเดิมคือ Ianuarius) ตามตำนานเทพปกรณัมของชาวโรมัน Janus เป็นเทพผู้ควบคุมจักรวาล เทพผู้รักษาประตูสวรรค์ เป็นผู้เปิดและผู้ปิดสรรพสิ่ง รวมทั้งประตูสวรรค์ ประตูรั้ว กระทั่งประตูบ้านคน เป็นเทพแห่งการเริ่มต้นและการเปลี่ยนผ่านของชีวิต จากเก่าไปใหม่ จากอดีตสู่อนาคต จากสิ่งที่ผ่านไปแล้วกับสิ่งที่กำลังจะเกิด?ชาวโรมันจินตนาการภาพของเจนัสว่าเป็นเทพที่มีสองพักตร์(ใบหน้า) พักตร์หนึ่งหันมาด้านหน้า ส่วนอีกพักตร์หนึ่งอยู่ทางด้านหลัง ด้วยเหตุที่ทรงรู้ทั้งอดีตและอนาคต ถือเป็นคติของการเริ่มต้นใหม่ วันใหม่ เดือนใหม่ ปีใหม่
กุมภาพันธ์ (February)
ชื่อเดือน February นั้นตั้งตามชื่อเทพเจ้าองค์หนึ่งของเทพปกรณัมโรมันที่มีนามว่า “Februus” (มีชื่อเรียกที่เก่าแก่กว่าคือ “Februa” และ Februalia) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความตายและความบริสุทธิ์ เทพองค์นี้เป็นเทพที่ชาวอิทรัสกันบูชา
มีนาคม (March)
เดือน March เดิมเป็นชื่อเดือนแรกของปีในปฏิทินรูปแบบเดิมของชาวโรมัน ชื่อในภาษาอังกฤษ March มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “Martius” หมายถึงเทพเจ้า “Mars” เทพแห่งสงครามซึ่งมีนัยยะว่าเป็นปีที่ดีในการเริ่มต้นทำสงครามเพื่อขยายอาณาจักรสำหรับชาวโรมัน
เมษายน (April)
ในภาษาอังกฤษ คำว่า April มาจากคำว่า “Aprilis” มาจากรากศัพท์ภาษาละตินว่า “Aperire” แปลว่า “เปิด” หรือ “ผลิดอกออกผล” ซึ่งอาจหมายถึงการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ และอาจมาจาก “Apru” ชื่อเทพีแห่งความรักในภาษาของชาวอิทรูเรีย
พฤษภาคม (May)
ชื่อเดือนนี้ตั้งตามชื่อเทพธิดาของกรีกที่มีชื่อว่า “Maia” ซึ่งในสมัยโรมันเทพองค์นี้หมายถึงเทพธิดาแห่งการเจริญเติบโตและความอุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามมีกวีชาวโรมันได้บันทึกถึงที่มาของคำนี้ว่ามีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “Maiores” ซึ่งมีความหมายว่า “Elder” หรือสูงวัยกว่านั่นเอง
มิถุนายน (June)
ชื่อในภาษาอังกฤษ June มีที่มาจากเทพเจ้าโรมันนามว่า “Juno” หรือ “Hera” เป็นเทพธิดาแห่งการแต่งงานและเป็นเทพธิดาของคู่บ่าวสาว จึงมีความเชื่อว่าหากแต่งงานในเดือนนี้จะโชคดี อีกความเชื่อหนึ่งเชื่อว่าเดือนนี้มาจากคำว่า “Juveins” ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “Iuniore” แปลว่า “หนุ่ม” หรือ “วัยรุ่น”
กรกฎาคม (July)
ชื่อเดิมของเดือนนี้คือ “Quintilis” หมายถึงเดือนลำดับที่ 5 ของปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเดือนเป็น July เป็นอนุสรณ์แด่ ”Julius Caesar” แห่งอาณาจักรโรมัน
สิงหาคม (August)
ชื่อเดิมของเดือนนี้ “Sextilis” หมายถึงเดือนลำดับที่ 6 ของปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม คือ ตั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ ”Augustus Caesar” จักรพรรดิของชาวโรมัน
กันยายน (September)
ตั้งมาจากภาษาละตินว่า “Septem” แปลว่า “เจ็ด” เหตุเพราะเป็นเดือนลำดับที่ 7 ในปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม
ตุลาคม (October)
ตั้งมาจากภาษาละตินว่า “Octo” แปลว่า “แปด” เหตุเพราะเป็นเดือนลำดับที่ 8ในปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม
พฤศจิกายน (November)
ตั้งมาจากภาษาละตินว่า “Novem” แปลว่า “เก้า” เหตุเพราะเป็นเดือนลำดับที่ 9 ในปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม
ธันวาคม (December)
ตั้งมาจากภาษาละตินว่า “Decem” แปลว่า “สิบ” เหตุเพราะเป็นเดือนลำดับที่ 10 ในปฏฺทินโรมันแบบดั้งเดิม
อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะงงว่า เดือนกันยายน (September) เดือนตุลาคม (October) เดือนพฤศจิกายน (November) และ เดือนธันวาคม (December) มาจากชื่อตัวสะกดเดือนเดียวกันในภาษาละตินทั้งหมดโดยมีความหมายว่าเดือนที่ 7, 8, 9 และ 10 ตามลำดับ ในระบบปฏิทินโรมันโบราณ แต่ทำไมในปัจจุบันจึงตรงกับเดือนที่ 9,10,11 และ 12 ล่ะ?
นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อราว 2,700 ปีก่อน กษัตริย์ผู้สร้างกรุงโรมได้กำหนดปฏิทินแบบจันทรคติขึ้นโดยกำหนดให้ 1 ปีมีแค่ 10 เดือน หรือ 304 วัน (แต่ละเดือนมีจำนวนวันแตกต่างไปจากปฏิทินในยุคนี้)
โดยปฏิทินเดิมนั้นเริ่มนับจากมีนาคมให้เป็นเดือนเริ่มต้นปีใหม่ไปจนถึงธันวาคม โดยเรียงลำดับคือ Martius, Aprilis, Maius, Junius, Quintilis, Sextilis, September, October, November และ December จะเห็นได้ว่า 4 เดือนแรก ชื่อเดือนจะมาจากชื่อเทพเจ้าและชื่ออื่นๆ ส่วน 6 เดือนหลังมาจากคำเรียกเลขตามลำดับ Quintus = 5 (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเดือนเป็น July เป็นอนุสรณ์แด่ ”Julius Caesar” แห่งอาณาจักรโรมัน), Sextus = 6 (ต่อมาเปลี่ยนเป็น August ตั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ ”Augustus Caesar” จักรพรรดิของชาวโรมัน), Septem = 7, Octo = 8, Novem = 9, Decem = 10 ปฏิทินนี้เป็นที่รู้จักและใช้ต่อกันเรื่อยมาจนถึงประมาณ 738 ปีก่อนคริสตกาล
แต่ต่อมาเดือน January และ February ได้ถูกเพิ่มขึ้นโดยกษัตริย์โรมันนามว่า “Numa Pompilius” ทำให้เดือน September, October, November และ October เลื่อนออกไปนั่นเอง
ทีมงานครูบ้านนอกเรียบเรียงจาก teen.mthai และ buiao.bu.ac.th