ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ก.ค.ศ.ปรับหลักเกณฑ์ย้ายครู


ข่าวการศึกษา 19 ธ.ค. 2559 เวลา 19:27 น. เปิดอ่าน : 77,500 ครั้ง
Advertisement


Advertisement

ก.ค.ศ.ปรับหลักเกณฑ์ย้ายครู

ปลัด ศธ. เผย ที่ประชุม ก.ค.ศ.มีมติปรับหลักเกณฑ์การย้ายข้าราชการครู ชี้ คุณสมบัติผู้ขอย้ายต้องทำงานในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 24 เดือน มอบอำนาจ กศจ.เกลี่ยอัตรากำลังทั้งหมด

วันนี้ (19 ธ.ค.) ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามที่สำนักงานก.ค.ศ. เสนอ ซึ่งได้มีการปรับปรุงสาระสำคัญใน 7 ประเด็น คือ

1. คุณสมบัติผู้ขอย้ายกรณีปกติ เดิมต้องทำงานในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 24 เดือนนับถึงวันที่ยื่นคำร้องขอย้าย เปลี่ยนมาเป็นให้นับถึงวันสุดท้ายที่กำหนดให้ยื่นคำร้องขอย้ายให้ตรงกัน

2.ระยะเวลาในการยื่นคำร้องขอย้าย เดิมให้ยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปี หลักเกณฑ์ใหม่จะกำหนดเวลาการยื่นที่ชัดเจน โดยให้ยื่นภายในเดือนมกราคม กำหนดเวลาการยื่น จำนวน 15 วัน และให้ยื่นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เพียงที่เดียวเท่านั้น ส่วนจะเป็นช่วงเวลาใดนั้นให้สพฐ. เป็นผู้กำหนด

3.ระยะเวลาการพิจารณาย้าย จะมีการพิจารณา 2 รอบ รอบแรกวันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 มีนาคม รอบสอบ วันที่ 15 กันยายน -15 ตุลาคม เพื่อทดแทนอัตราเกษียณให้ทันก่อนเปิดภาคเรียน จากเดิมที่ใช้เวลานานกว่า 3-4 เดือน

ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า

4.การกำหนดองค์ประกอบในการย้าย ให้คงองค์ประกอบหลักไว้ตามเดิม แต่กำหนดเพิ่มเติมคือให้สพฐ.กำหนดรายละเอียดตัวชี้วัดและองค์ประกอบ ตามที่ก.ค.ศ.กำหนดให้เป็นองค์ประกอบเดียวกันทั่วประเทศ จากเดิมที่แต่ละพื้นที่จะใช้องค์ประกอบและตัวชี้วัดที่แตกต่างกัน และให้กศจ.พิจารณาย้ายพร้อมกันทุกเขตพื้นที่ฯในภาพรวมของจังหวัด

5. การเกลี่ยอัตรากำลัง ที่ผ่านมา แต่ละเขตพื้นที่จะเกลี่ยอัตรากำลัง ในเขตพื้นที่ฯที่ครูเกินไปเขตพื้นที่ฯที่ครูน้อยได้ยาก แต่หลักเกณฑ์ฯใหม่ให้อำนาจกศจ. ในการพิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังทั้งตำแหน่งและเงินเดือนได้ ตามกรอบที่ก.ค.ศ.กำหนด

6.การกำหนดระยะเวลาในการยื่นขอย้าย และ

7.เงื่อนไขการส่งสำนำคำสั่งย้าย ให้คงไว้ตามหลักเกณฑ์ฯเดิม

“การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายครูฯ ครั้งนี้ เพื่อ ให้สอดคล้องกับบริบทการบริหารงานบุคคลของคณะกรรมการศึกษาธิการ(กศจ.) ให้มีครูไปปฏิบัติการสอนได้ทันก่อนเปิดภาคเรียน สามารถนำตำแหน่งว่างภายหลังการย้าย เพื่อใช้บรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้/ผู้ได้รับการคัดเลือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้สพฐ.สามารถกำกับดูแลการ ดำเนินการเชิงนโยบายได้อย่างเหมาะสม ทำให้การดำเนินการมีความยืดหยุ่นคล่องตัว ซึ่งต่อไปปฏิทินการย้ายจะมีการกำหนดวันที่ชัดเจน โดยจะเริ่มใช้หลักเกณฑ์ใหม่ในการย้ายครูเดือนมกราคม 2560 ” ดร.ชัยพฤกษ์กล่าว และว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบ กรณีที่ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ( คปร.)ได้แจ้งมติ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นขอบยกเว้นเงื่อนไขการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา ปี2558 คืนให้กับโรงเรียนประถมและโรงเรียนขยายโอกาสทีมีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 120 ขึ้นไป จากเดิมที่กำหนดกรอบอยู่ที่ 250 คน ทำให้สพฐ.ได้ครูคืนกลับมาจำนวน 1,085 อัตรา ใน 922 โรงเรียน


ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2559

ด้านกลุ่มสารนิเทศ สอ.สป. ก็ได้นำเสนอข่าวนี้เช่นกัน ดังนี้

ก.ค.ศ.มีมติปรับปรุงหลักเกณฑ์การย้ายครู

ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 12/2559 เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2559 ณ ห้องประชุม 5 ชั้น 1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

ที่ประชุมพิจารณาการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยได้นำเสนอ 4 หลักเกณฑ์ ได้แก่ ปรับให้สอดคล้องกับบริบทของการบริหารงานบุคคลของ กศจ., เพื่อให้มีครูไปปฎิบัติการสอนทันก่อนเปิดภาคเรียน, เพื่อให้สามารถนำตำแหน่งว่างภายหลังการย้าย มาใช้บรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันและผู้ได้รับคัดเลือก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้ สพฐ. สามารถกำกับดูแลการดำเนินงานเชิงนโยบายได้อย่างเหมาะสม และทำให้การดำเนินการมีความยืดหยุ่นคล่องตัว โดยมีสาระสำคัญอยู่ 7 ประเด็น คือ

1. คุณสมบัติของผู้ขอย้ายกรณีปกติ เดิมกำหนดให้ “ปฏิบัติงานสอนในสถานศึกษาปัจจุบันติดต่อกันไม่น้อยกว่า 24 เดือนนับถึงวันที่คำขอ” เปลี่ยนเป็น “...นับถึงวันสุดท้ายที่กำหนดให้ยื่นคำร้องขอย้าย”

2. ระยะเวลาการยื่นคำร้องขอย้าย ปรับเป็น ให้ยื่นคำร้องขอย้ายปีละ 1 ครั้งเช่นเดิม ภายในเดือนมกราคม มีกำหนด 15 วัน ซึ่ง สพฐ.จะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบกำหนดปฏิทินการยื่นคำร้องขอย้ายให้ตรงกันทั่วประเทศ

3. ระยะเวลาการพิจารณาย้าย กำหนดให้มี 2 ครั้ง คือครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15 มีนาคม เพื่อให้มีครูไปปฏิบัติงานสอนทันกับการเปิดภาคเรียน และครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 15 กันยายน ถึงวันที่ 15 ตุลาคม เพื่อสามารถบรรจุและแต่งตั้งทดแทนอัตรากำลังเกษียณอายุราชการได้อย่างรวดเร็ว

4. การกำหนดองค์ประกอบการย้าย เดิมดูจากองค์ประกอบ 7 เรื่อง เช่น ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ลำดับสถานศึกษาที่ขอย้าย เวลาที่ดำรงตำแหน่ง ความยากลำบากในการปฏิบัติงาน เหตุผลการขอย้าย ความอาวุโส ความเห็นกรรมการสถานศึกษา เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรคง 7 องค์ประกอบนี้ไว้ดังเดิม แต่ที่ผ่านมาพบว่าแต่ละจังหวัดมีตัวชี้วัดและคะแนนพิจารณาแตกต่างกัน ที่ประชุมจึงมอบหมายให้ สพฐ. กำหนดรายละเอียดของตัวชี้วัดและองค์ประกอบในการย้าย ตามกรอบของ ก.ค.ศ. เพื่อใช้เป็นเกณฑ์เดียวกันทั้งประเทศ โดยจะกำหนดรายละเอียดให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้

5. การเกลี่ยอัตรากำลัง ที่ผ่านมาพบว่าในจังหวัดเดียวกัน แต่ละพื้นที่จะเกลี่ยอัตรากำลังจากเขตที่ครูเกินไปเขตที่ครูน้อยได้ยาก ที่ประชุมจึงมีมติเป็นแนวปฏิบัติว่า ให้อำนาจ กศจ.ในการเกลี่ยทั้งตำแหน่งละอัตราเงินเดือนได้ตามกรอบที่ ก.ค.ศ. กำหนด ส่วนการย้ายเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของราชการ ให้เป็นอำนาจของศึกษาธิการจังหวัดเสนอ

6. การกำหนดระยะเวลาการส่งคำร้องขอย้าย ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามปฏิทินที่ สพฐ.กำหนด

7. เงื่อนไขการส่งสำเนาคำสั่งย้าย ต้องแจ้งผลการย้ายภายใน 7 วัน

 


นอกจากนี้ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ได้แจ้งมติ ครม.เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 เห็นชอบการงดเว้นเงื่อนไขการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เมื่อ 2558 คืนให้กับโรงเรียนประถมและโรงเรียนขยายโอกาสที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 120 คนขึ้นไป จากเดิมกำหนดไว้ที่ 250 คน ส่งผลให้ สพฐ.ได้ครูคืนมา 1,085 อัตรา ในจำนวนโรงเรียน 922 โรงเรียน เพื่อมาบรรจุแต่งตั้งต่อไป

ปารัชญ์/สรุป  กิตติกร/ภาพ

ที่มา เว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการ 20 ธ.ค.2559

หนาวแล้ว ออกแคมป์กันเถอะ! ⛺ เตาแก๊สปิคนิค พกพาสะดวก ออก Outdoor ได้สบายๆ รุ่น KJ-101 แถมฟรี!!กล่องเก็บเตา ในราคา ฿244

https://s.shopee.co.th/7fJQKGPCjr?share_channel_code=6


ก.ค.ศ.ปรับหลักเกณฑ์ย้ายครู

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ว24/2567 แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการย้าย การประมวลผล และการพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System)

ว24/2567 แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการย้าย การประมวลผล และการพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System)

เปิดอ่าน 1,508 ☕ 9 ธ.ค. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
พร้อมแล้ว "คุรุสภา" เปิดธีมงานวันครู ครั้งที่ 69 ปี 68 ยึดนโยบายเรียนดี มีความสุข
พร้อมแล้ว "คุรุสภา" เปิดธีมงานวันครู ครั้งที่ 69 ปี 68 ยึดนโยบายเรียนดี มีความสุข
เปิดอ่าน 498 ☕ 24 ธ.ค. 2567

ผลการคัดเลือกโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำ รุ่นที่ 15
ผลการคัดเลือกโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำ รุ่นที่ 15
เปิดอ่าน 760 ☕ 22 ธ.ค. 2567

สพฐ.สำรวจความต้องการขอรับจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา ตำแหน่งครูผู้สอนเพิ่มเติม
สพฐ.สำรวจความต้องการขอรับจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา ตำแหน่งครูผู้สอนเพิ่มเติม
เปิดอ่าน 837 ☕ 22 ธ.ค. 2567

เกียรติบัตรสำหรับสถานศึกษาที่เข้าร่วมการประกวดคลิปวีดิทัศน์ "Meditation Clip Contest"
เกียรติบัตรสำหรับสถานศึกษาที่เข้าร่วมการประกวดคลิปวีดิทัศน์ "Meditation Clip Contest"
เปิดอ่าน 747 ☕ 20 ธ.ค. 2567

ชื่อเต็ม ชื่อย่อ ของหน่วยงานและผู้บริหารระดับสูง ในสังกัด สพฐ.
ชื่อเต็ม ชื่อย่อ ของหน่วยงานและผู้บริหารระดับสูง ในสังกัด สพฐ.
เปิดอ่าน 1,108 ☕ 19 ธ.ค. 2567

ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล "ครูดีในดวงใจ" ครั้งที่ 22 ประจำปี พ.ศ. 2568
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล "ครูดีในดวงใจ" ครั้งที่ 22 ประจำปี พ.ศ. 2568
เปิดอ่าน 2,312 ☕ 19 ธ.ค. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สุดซึ้ง หมาช่วยหมา ที่กำลังลอยคออยู่บนเรือ
สุดซึ้ง หมาช่วยหมา ที่กำลังลอยคออยู่บนเรือ
เปิดอ่าน 10,160 ครั้ง

ใช้กระดาษบางๆ ทำสะพานวางแก้วน้ำได้ ทำยังไง เทคนิคดีๆ เอาไว้สอนเด็กครับ
ใช้กระดาษบางๆ ทำสะพานวางแก้วน้ำได้ ทำยังไง เทคนิคดีๆ เอาไว้สอนเด็กครับ
เปิดอ่าน 23,387 ครั้ง

วิวัฒนาการของ "บัตรประจำตัวประชาชน"
วิวัฒนาการของ "บัตรประจำตัวประชาชน"
เปิดอ่าน 29,256 ครั้ง

ผู้ประดิษฐ์คิดค้น"กล่องดำ"เสียชีวิตแล้ว
ผู้ประดิษฐ์คิดค้น"กล่องดำ"เสียชีวิตแล้ว
เปิดอ่าน 14,919 ครั้ง

พระวิษณุ(พระนารายณ์)
พระวิษณุ(พระนารายณ์)
เปิดอ่าน 33,911 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ