“พิษณุ” มอบนโยบายผอ.สกสค.จังหวัดกอบกู้ภาพลักษณ์องค์กรและช่วยแก้ปัญหาครูเป็นหนี้ ชงสกสค.นำเงินฝากกว่า 100 ล้านให้ครูกู้รีไฟแนนซ์ สั่งจังหวัดสำรวจครูเป็นหนี้อย่างละเอียด เพื่อแก้ปัญหาภาพรวม
วันนี้(12ธ.ค.)ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงาน สกสค.ได้ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้ง ผอ.สำนักงาน สกสค.จังหวัด/กรุงเทพมหานคร แทนผู้ที่พ้นวาระ โดยมีการประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกไปเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการอบรมพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนได้ให้นโยบายว่าผอ.สกสค.จังหวัดจะต้องปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลครูและกอบกู้ภาพลักษณ์ขององค์กร ที่สำคัญต้องทำให้สกสค.จังหวัดเป็นที่น่าเชื่อถือ สามารถดูแลครูและเป็นที่พึ่งของครูได้
ดร.พิษณุ กล่าวต่อไปว่า หน้าที่สำคัญของ ผอ.สกสค.จังหวัด จะต้องดูแลช่วยเหลือครูที่มีปัญหาด้วย โดยปัญหาหนี้สินครูก็เป็นเรื่องสำคัญที่ ผอ.สกสค.จังหวัดต้องดูแลและช่วยแก้ปัญหา ซึ่งตนได้มอบหมายให้ทุกจังหวัดไปสำรวจหนี้สินครูอย่างละเอียด เพื่อจะได้แก้ปัญหาภาพรวมทั้งประเทศ เนื่องจากขณะนี้พบว่าครูที่เป็นหนี้จำนวนมากมีประมาณ 70,000- 80,000 คน ซึ่งก็ยังไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง ดังนั้นก็ต้องหาตัวเลขที่ชัดเจนหรือใกล้เคียงที่สุด เพื่อนำมาจัดกลุ่มช่วยเหลือโดยจะมุ่งไปที่คนที่อยู่ในภาวะวิกฤติกำลังจะถูกฟ้องล้มละลายก่อน เพราะหากครูถูกฟ้องล้มละลายก็หมายความว่าต้องออกจากราชการ
“ เมื่อปี 2553-2554 เคยมีการแบ่งกลุ่มครูที่เป็นหนี้วิกฤตไว้แล้ว โดยขณะนั้นมีประมาณไม่เกิน 8,000 คน และมีค่าเฉลี่ยเป็นหนี้คนละ 2 ล้านบาท แต่ปัจจุบันจำนวนคนที่เป็นหนี้วิกฤตมีเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ถึง 30,000 คน และค่าเฉลี่ยหนี้ก็ขยับไปเป็นเกือบคนละ 3ล้านบาทแล้ว ดังนั้นต้องสำรวจข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ใหม่ เพื่อหากลุ่มเป้าหมายในการแก้ปัญหาให้ถูกต้อง ”ดร.พิษณุ กล่าวและว่าสำหรับแนวทางที่จะช่วยเหลือครูนั้นตนมีความคิดว่าสกสค.มีเงินฝากบัญชีประจำอยู่กว่า 100 ล้านบาท ถ้านำเงินส่วนนี้มาปล่อยให้ครูกู้ยืมเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ก็น่าจะแก้ปัญหาได้ เพราะวันนี้ดอกเบี้ยที่ฝากอยู่ก็ได้รับไม่มากนัก แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบประวัติครูให้ดีและต้องมีเงื่อนไขว่าจะไม่ไปก่อหนี้เพิ่มอีก" ดร.พิษณุ กล่าว
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2559