บอร์ด สกสค.มีมติขายหุ้นคืน บ.หนองคายน่าอยู่ วางเงื่อนไข ซื้อคืนภายใน 5 ปี หรือปีละไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมจ่ายค่าตอบแทนให้รัฐปีละ 5% จากมูลค่าหุ้นที่เหลือ ดาว์พงษ์สั่งตั้ง คกก.ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทุจริตเพิ่ม ข้องใจทำไมซื้อหุ้นเกินราคา
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นใน สกสค. โดยตนได้ลงนามในหนังสือถึงศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อขอให้เป็นเจ้าภาพหลักในการประสานและติดตามผลการดำเนินคดี กรณี สกสค.ซื้อตั๋วสัญญากับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท รวมถึงอยู่ระหว่างการประสานไปยังกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เพื่อขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินการตรวจสอบมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบเรื่องการขายหุ้นคืนให้กับบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ซึ่งกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซื้อจากบริษัท หนองคายน่าอยู่ฯ ในราคาหุ้นละ 25 บาท รวม 800 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนบ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย เพราะจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวมีการดำเนินการจริง ดังนั้นจึงให้มีการขายหุ้นคืน โดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนภายในระยะเวลา 5 ปี แต่ละปีต้องซื้อคืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่ และต้องจ่ายค่าตอบแทนคืนให้กับ สกสค. ในอัตราร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่เหลือจากการจ่ายคืนในแต่ละงวด
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบตั้งกรรมการสอบสวนบุคลากรและผู้บริหาร สกสค.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ทั้งกรณีของบริษัท บิลเลี่ยนฯ และบริษัท หนองคายน่าอยู่ฯ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เกี่ยวข้องบางส่วนถูกพักงานไปแล้ว และหากพบว่ามีใครที่เกี่ยวข้องอีกก็จะให้พักงานเพิ่มเป็นรายๆ ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับ สกสค. และดำเนินการสอบสวนต่อไป โดยให้นายพิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (รองปลัด ศธ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาฯ สกสค. ประสานขอข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรณีของบริษัท หนองคายน่าอยู่ฯ แม้จะมีการตรวจสอบแล้วพบว่าบริษัทมีการดำเนินการจริง แต่ก็เป็นคนละเรื่องกับการซื้อหุ้นในราคาที่สูง ต้องดูว่าใครมีส่วนได้-ส่วนเสียบ้าง
รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นที่ประชุมยังหารือถึงข้อเสนอที่ให้มีการแยกการบริหารงานขององค์การค้าฯ ออกจาก สกสค. ซึ่งตนมีความเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่และต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ดังนั้นจึงให้ปรับปรุงระเบียบและข้อบังคับการสรรหาและอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ สกสค. และผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ให้เหมาะสม จากเดิมที่ไม่มีการคานอำนาจ สามารถอนุมัติเรื่องต่างๆ ได้โดยไม่ผ่านมติของที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.
ขอบคุณที่มาจาก ไทยโพสต์ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559