“การอ่านทำให้เราเป็นคนอย่างสมบูรณ์
การประชุมช่วยให้เราเตรียมพร้อม
การเขียนทำให้เรามีความแม่นยำ”
ฟรานซิส เบคอน
เพราะวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปซึ่งไม่ส่งเสริมการรู้หนังสือ ทั้งการใช้อีเมล การส่งข้อความตัวอักษร บวกกับการขาดการฝึกฝน ทำให้เด็กสมัยนี้กลายเป็นนักเขียนที่แย่ลง ดังนั้นคุณไม่ต้องแปลกใจหรอกถ้าเด็กคนนึงจะเขียนข้อความแค่หนึ่งย่อหน้า ก็ยังอ่านไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ
ช่วงปีแรกๆในชีวิตการสอนของครูเรฟนั้นเด็กๆส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานไวยากรณ์ เช่นชนิดของคำ โครงสร้างประโยคและการเขียนค่อนข้างดีทีเดียว แต่เมื่ออยู่ๆไปกลับกลายเป็นว่าระบบการศึกษารุ่นใหม่นั้นเน้นการสอบวัดมาตรฐานเป็นสำคัญ ส่วนโครงการนักเขียนน้อยซึ่งช่วยฝึกทักษะการเขียนที่เด็กๆควรมีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต ก็ถูกกดดันด้วยแบบทดสอบต่างๆและการแข่งขันอ่านหนังสือให้ได้คล่องและเร็วที่สุด แต่กระนั้นคะแนนการอ่านของเด็กนักเรียนก็ยังเข้าขั้นหายนะอยู่ดี
แม้จะมีอุปสรรคจากทางโรงเรียนซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางการสอน แต่ครูเรฟก็ไม่ย่อท้อ คิดหากลยุทธ์และกิจกรรมต่างๆที่จะช่วยให้เด็กๆเป็นนักเขียนที่ดีขึ้นให้ได้ เพราะเมื่อเด็กๆเขียนได้ดี มันจะเป็นประโยชน์ติดตัวพวกเขาไปจนตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหรือสมัครงานก็ตาม
คราวหน้าเรามาดูกันว่า 4 ขั้นตอนเพื่อพัฒนาการเขียนของครูเรฟนั้นมีอะไรบ้าง
#หมายเหตุ ข้อมูลจากหนังสือ ครูแท้แพ้ไม่เป็น : เทคนิคและกำลังใจเพื่อครูมือใหม่ถึงครูวัยเก๋า โดยผู้แต่ง Rafe Esquith