“ชัยพฤกษ์"เผยลงพื้นที่ดูโรงเรียนในจังหวัดอุดรฯ พบปัญหาเพียบ ทั้งการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ผู้เรียนสายเกษตรน้อย ล่ามภาษามือไม่พอ แต่คนสนใจเรียน กศน.เพิ่ม เร่งสรุปปัญหาใช้เป็นข้อมูลทำแผนพัฒนาการศึกษา
วันนี้(14พ.ย.)ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ผู้บริหาร ศธ.ได้ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของศธ.ในจังหวัดอุดรธานี พร้อมทั้งรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ โดยแบ่งการตรวจออกเป็น 4 คณะ ซึ่งคณะแรกดูงานการศึกษาเอกชน มีดร.บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร หัวหน้าผู้ตรวจราชการศธ.เป็นหัวหน้าคณะ พบว่า ปัญหาที่เอกชนต้องการให้รัฐบาลช่วยแก้ไข คือ ปรับปรุงอัตราเงินอุดหนุนในส่วนของเงินเดือนครู และเรื่องการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทั้งครูไทยและครูต่างชาติ ให้มีหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่ชัดเจน คณะที่สอง ดูงานโรงเรียนการศึกษาพิเศษ มีนางสุจิตร พัฒนะภูมิ ผู้ตรวจราชการศธ.เป็นหัวหน้าคณะ พบว่าปัจจุบันมีโรงเรียนโสตศึกษาทั้งสิ้น 21 แห่ง แต่จำนวนเด็กที่เข้าเรียนลดลง เนื่องจากประชากรวัยเด็กได้รับการส่งเสริมคุณภาพที่ดีขึ้น ทางโรงเรียนจึงรับเด็กที่มีความพิการซ้ำซ้อนประเภทอื่นเข้ามาเรียนร่วม แต่ก็พบปัญหาล่ามภาษามือไม่เพียงพอ อีกทั้งปัญหาข้อสอบประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน(NT) และการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต ไม่สอดคล้องกับการวัดความรู้ของเด็กที่มีความบกพร่อง
ปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า คณะที่สาม ตรวจเยี่ยมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี มีนางนิตย์ โรจน์รัตนวาณิชย์ ผู้ตรวจราชการศธ. เป็นหัวหน้าคณะ พบว่า ผู้เรียนสายเกษตรมีน้อย อีกทั้งการจัดระบบทวิภาคีก็ทำได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง อาจารย์ส่วนใหญ่อยู่ในวัยใกล้เกษียณ และคณะที่สี่ติดตามงานของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) มีนายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการศธ.เป็นหัวหน้าคณะ พบว่า หลักสูตร กศน.มีแนวโน้มได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับม.ปลาย หลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องเพื่อพัฒนาอาชีพประชาชน และหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุ ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้จะนำไปวางแผนแก้ไขปัญหา และใช้ในการวางแผนจัดทำงบประมาณปี 2561 ต่อไป
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2559