“ดาว์พงษ์”ไล่บี้ทั้งแพ่ง-อาญา ตามเงิน 2,500 ล้าน คืน สกสค.ประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งคดี
วันนี้(7 พ.ย.)พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความเสียหายในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) กรณีซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินบริษัท บิลเลียนอินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ว่า จากมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 3,000 ล้านบาท สกสค.ได้รับเงินมาแล้ว 500 ล้านบาท แต่ยังเหลืออีก 2,500 ล้านบาท ที่บริษัทบิลเลียนฯไม่ได้คืน และหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันเมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นเอกสารปลอม กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)จึงได้ดำเนินการใน 2 ส่วน คือ 1.ลงโทษผู้กระทำความผิด และ 2.การติดตามเงินคืน โดยในส่วนของผู้กระทำความผิดได้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้บริหารบริษัท บิลเลียนฯ จำนวน 6 คน ในฐานความผิดฉ้อโกง หรือปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม สนับสนุนเจ้าพนักงาน และฟอกเงิน ซึ่งขณะนี้ สกสค.ได้แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ดุสิต และได้มีการออกหมายจับ ซึ่งสามารถจับกุมได้ 2 คน โดยได้ส่งให้อัยการสั่งฟ้องแล้ว 1 คน ส่วนอีก 1 คนอยู่ระหว่างการสอบส่วนที่เหลืออีก 4 คนยังหลบหนีอยู่
รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า กลุ่มที่ 2. อดีตผู้บริหาร สกสค.และคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) จำนวน 22 คน ฐานความผิดเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และความผิดฐานฟอกเงิน โดย สกสค.ได้สั่งพักงานไปแล้ว 5 คนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ สกสค.พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง 6 คน และกำลังจะเพิ่มอีก 1 คนรวมเป็น 7 คน อย่างไรก็ตามในกลุ่มที่ 2 นี้เป็นคณะกรรมการกองทุนฯ ซึ่งมีข้าราชการและบุคลากรในสังกัดอื่นรวมอยู่ด้วย เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) ดังนั้นตนจะตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติมเพื่อสอบสวนทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วย และ 3. ธนาคารซึ่งมีการปิดบัญชีและถอนเงินโดยไม่มีอำนาจ ซึ่งเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงจะมีการฟ้องแพ่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย อย่างไรก็ตามส่วนผู้กล่าวหากลุ่มที่ 1 และ 2 ได้มีการส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวน ขณะเดียวกันก็ได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษแล้ว
“ศธ.จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่งและอาญา โดยทางแพ่งจะเป็นในส่วนมูลค่าความเสียหาย 2,500 ล้านบาท ส่วนคดีอาญา มูลค่าความเสียหาย 3,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า ผมยอมรับว่าการดำเนินการ 2 ปีที่ผ่านมาล่าช้า ไม่ทันใจ เพราะมีช่องโหว่ที่ต้องหาทางอุด ส่วนขั้นตอนต่อไป คือ ศธ.จะเร่งประสานกับหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายเพื่อขยายผลการดำเนินคดี การติดตามเงินคืน สนับสนุนและบูรณาการพยานหลักฐานในการกระทำความผิด อาทิ การอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม การดำเนินการคดีฟอกเงิน และการดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา นอกจากนี้จะประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ช่วยเร่งคดีเพราะเป็นคดีที่มีผลกระทบและก่อให้เกิดความเสียหาย พร้อมทั้งขอให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เป็นเจ้าภาพหลักในการประสานและติดตามผลการดำเนินคดี เพื่อให้การดำเนินงานมีเอกภาพและประสิทธิภาพ รวมถึงจะส่งแผนผังเส้นทางการเงินที่จัดทำขึ้นให้ ศอตช.ด้วย”พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว
ขอบคุณที่่มาจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2559