10 คำถามสัมภาษณ์ที่คุณควรตอบอย่างมีสติ ถ้าอยากจะเข้าเรียนคณะที่ใฝ่ฝัน
เป็นที่แน่นอนว่า ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งด่านสุดท้ายที่จะชี้ชะตาให้กับคุณก็คือ การสอบสัมภาษณ์ ซึ่งจะได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวศึกษาคำถามสัมภาษณ์ที่คาดว่าจะโดนถามมาให้ดีที่สุด บทความนี้คงเหมาะกับคนที่กำลังเตรียมตัวเข้าสอบสัมภาษณ์ในระดับอุดมศึกษา หรืออาจจะรวมไปถึงผู้ปกครองที่มีบุตรหลานวัยใกล้เข้าศึกษาด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น
iPrice แหล่งช้อปปิ้งออนไลน์จึงรวบรวม 10 คำถามที่คาดว่าต้องโดนถามแน่นอน พร้อมทั้งคำตอบที่จะช่วยเรียกคะแนนจากผู้สัมภาษณ์มาให้คุณดังนี้
1. แนะนำตัวเอง หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเบสิคที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่บอกเลยว่าคุณคิดผิด การที่คณะกรรมการถามคำถามนี้ ไม่ใช่ว่าอยากรู้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ อย่าลืมว่าพวกเขาย่อมมีประวัติของคุณโดยละเอียดอยู่แล้ว ดังนั้นคำถามนี้จึงเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้คุณทำคะแนนสร้างความประทับใจแรกและยังเหมือนเป็นการละลายพฤฒิกรรมให้คุณผ่อนคลายกับคำถามต่อ ๆ ไปได้อีกด้วย
แนวคำตอบ สำหรับข้อนี้ เราไม่มีอะไรแนะนำคุณมากนัก นอกจากให้คุณมี ‘สติ’ เพราะถ้าคำถามแรกคุณตอบอย่างมีสติแล้วละก็ รับรองว่าคำถามต่อ ๆ ไปผ่านฉลุยแน่นอน
2. ทำไมถึงเลือกเรียนคณะ/สาขานี้ เป็นคำถามที่ร้อยทั้งร้อยต้องเจอ และยังเป็นคำถามที่ชี้วัดชะตากรรมของคำถามต่อไปเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าคุณตอบดีเข้าตากรรมการ คำถามต่อไปก็ง่ายขึ้นเรื่อย ๆ เพราะกว่า 50% คณะกรรมการจะตัดสินในใจแล้วว่าคุณเหมาะหรือไม่กับการเรียนคณะนี้
แนวคำตอบ เชื่อว่าหากหลายคนเจอคำถามนี้ คำตอบก็จะธรรมดา ๆ คือ ‘อยากเรียนมานานแล้ว’ หรือ ‘อยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่’ ตามแต่ที่คุณจะจินตนาการอนาคตไว้ ซึ่งคำตอบแบบนี้ถือว่าเฉย ๆ มาก พวกเขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับคำตอบของคุณเลยจนกว่าคุณจะกล่าวข้อมูลเสริมเข้าไป เช่น ‘ฝันอยากแอร์โฮสเตสมาตั้งแต่เด็ก จึงตั้งใจเรียนด้านภาษามาโดยตลอด และทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบินได้มีโอกาศเห็นพี่ ๆ เขาพูดภาษาคล่อง ๆ ให้บริการอย่างชำนาญแล้วก็ยิ่งรู้สึกมีแรงบันดาล ดังนั้นจึงเลือกเรียนคณะ/สาขานี้’ เป็นต้น
3. รู้หรือไม่ว่าคณะ/สาขานี้เรียนอะไรบ้าง คำถามนี้เป็นการทดสอบว่าคุณหาความรู้เกี่ยวกับคณะที่จะเข้ามาศึกษามากน้อยเพียงใด ดังนั้นจึงไม่ควรตอบผิวเผิน เช่น ‘ไม่ทราบ’ หรือ ‘คณะมนุษย์ศาตร์ก็มีไว้สอนภาษา’ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็เตรียมรอสอบที่ใหม่ได้เลย
แนวคำตอบ สำหรับข้อนี้คุณควรจะตอบเป็นเชิงลึกลงไป เช่น ‘คณะมนุษย์ศาตร์ เป็นคณะที่มีการเรียนการสอนหลากหลาย ซึ่งนอกจากภาษาแล้ว ยังสอนการบริการ, การตลาด, การบริหาร รวมไปถึงความรู้ต่าง ๆ ที่เราสามารถนำไปใช้ในการทำงานได้จริงอีกด้วย’ เรียกได้ว่ารู้อะไรเกี่ยวกับคณะนี้ให้ตอบออกไปให้หมดเลยก็ว่าได้
4. เรียนหนักนะ จะไหวหรือ เป็นคำถามสั้น ๆ แต่ได้ใจความ เพราะเป็นเหมือนการคอนเฟริมความมั่นใจของคุณไปในตัว คณะกรรมการบางคนอาจจะถามเหมือนเป็นเชิงดูถูกให้คุณของขึ้นเล่น แต่อย่าไปคิดมาก ให้ตอบยืนยันเข้าไว้
แนวคำตอบ ‘ไหวแน่นอนค่ะ/ครับ เพราะถ้าได้เข้าคณะที่ฝันมานาน คิดว่าคงไม่มีไรยากไปกว่านี้แล้วค่ะ/ครับ’ ย้ำว่าเสียงที่ตอบต้องมีความั่นใจ ห้ามยิ้มแหย่ ๆ หรือเกาหัวแก๊ก ๆ เป็นอันขาด
5. แล้วถ้าไม่ได้ที่นี่จะทำยังไง เมื่อได้ยินคำถามนี้ ขอย้ำคำว่า ‘สติ’ อีกครั้ง เพราะคณะกรรมการเพียงแค่ดูไหวพริบและความคิดหลังจากได้รับแรงกดดันเท่านั้น ห้ามตอบว่า ‘ไม่ทราบ’ เป็นอันขาด
แนวคำตอบ ให้ย้ำความตั้งใจที่จะเข้าคณะนี้ โดยอาจจะตอบว่า จะรอรอบสัมภาษณ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นการย้ำว่าคุณต้องการเข้าศึกษาที่นี่จริง ๆ
6. ถามเกี่ยวกับกิจกรรมที่เคยเข้าร่วม คำถามนี้ไม่ใช่การชวนคุย แต่เป็นคำถามที่จะดูว่าคุณเป็นคนมีสาระหรือไม่ ใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์หรือเปล่า และกิจกรรมที่คุณเคยทำสอดคล้องกับคณะที่จะเรียนมากน้อยพียงใด
แนวคำตอบ ข้อนี้คุณอาจจะตอบสร้างภาพเกี่ยวกับกิจกรรมที่สอดคล้องกับคณะที่จะเข้าก็ได้ หรือถ้าคุณจะตอบแบบตรงไปตรงมา ก็ขอให้คุณอธิบายเพิ่มเติมไปว่า เพราะอะไรถึงเข้าร่วม และกิจกรรมที่ทำมีประโยชน์อะไรบ้าง แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะทำกิจกรรมที่ตรงกับอาชีพหรือคณะที่เรียน ขนาดหมอยังไปเตะบอล ทั้งที่ไม่ได้จบคณะพละศึกษาสักหน่อย
7. ข้อดีคืออะไร แน่นอนว่าหลายคนย่อมมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย แต่ข้อดีของคุณมันดีต่อคนอื่นหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
แนวคำตอบ ให้คุณตอบไปเลยอย่างมั่นใจว่าคุณมีข้อดีอะไรบ้าง แต่อย่าลืมที่จะเติมท้ายไปว่า ข้อดีของคุณดีต่อคนอื่นอย่างไร
8. ข้อเสียคืออะไร บางคนอาจตอบอย่างมั่นใจว่า ‘ไม่มี’ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตนเอง แต่คุณอย่าลืมคิดไปว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็ก และคนที่รู้ข้อเสียของตนเองก็ดูเป็นคนน่าคบหามากกว่าคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อเสียอะไร
แนวคำตอบ ข้อนี้คุณควรตอบข้อเสียของคุณออกไปเลยอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่อย่าลืมที่จะบอกวิธีแก้ไขข้อเสียของคุณเข้าไปด้วย เช่น ‘เป็นคนไม่รอบคอบ แต่ก็พยายามทวนสิ่งที่ต้องทำหรือสิ่งที่สำคัญทุกครั้งก่อนไปทำอย่างอื่นค่ะ/ครับ’ คำตอบแนวนี้จะช่วยให้เขาคิดว่า คุณเป็นคนยอมรับในข้อผิดพลาดของตัวเองและพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขอยู่เสมอ
9. ถามการเดินทาง หลายคนอาจมองว่าเป็นคำถามไร้สาระ แต่เชื่อหรือไม่ว่าระยะการเดินทางมาเรียน ถือเป็นสาเหตุหลักให้รุ่นพี่ของคุณโดนรีไทล์มาแล้ว ดังนั้นก่อนตอบต้องคิดให้ดี และตอบอย่างมั่นใจ
แนวคำตอบ ให้คุณตอบไปตามความจริง เพราะอย่าลืมว่า เขามีที่อยู่ของคุณอยู่ในมือ ซึ่งถ้าหากคุณพักอยู่ไกลก็ให้ตอบไปเลยว่าไกล แต่จะพยายามออกเดินทางให้เร็วขึ้น คุณอาจจะเล่าแผนการเดินทางมาเรียนให้เขาฟังก็ได้ หรือเสริมท้ายไปว่า หากได้เข้าเรียนที่นี่แล้วระยะทางเป็นอุปสรรคต่อการเรียนจริง ๆ จะหาที่พักที่เดินทางสะดวกครับ/ค่ะ
10. มีข้อมูลสอบถามเพิ่มเติมหรือไม่ คำถามนี้ไม่ใช่คำถามเล่น ๆ อย่างแน่นอน เพราะหลายคนที่กำลังนั่งสัมภาษณ์อยู่คงมีคำถามมากมายอยู่ในหัว อาจจะเกี่ยวกับกำหนดประกาศผล หรือขอคำแนะนำในการเตรียมตัวเมื่อรู้ผลก็ได้
แนวคำตอบ ข้อนี้ไม่มีคำตอบตายตัว แต่ขอแนะนำว่า ให้คุณถามข้อสงสัยที่มีอยู่ออกไปทั้งหมด แต่ต้องเป็นคำถามที่ Make Sense หน่อย เช่น ถ้าไม่ผ่านจริง ๆ ทางคณะมีแนวทางการช่วยเหลืออะไรบ้าง เป็นต้น แต่อย่าเงียบหรือตอบว่า ‘ไม่มี’ เพราะคุณจะดูเป็นคนไม่มีความใส่ใจไปเลยทันที
อย่างไรก็ตาม บทความนี้เป็นเพียงแนวทางในการเตรียมตัวเข้าสอบสัมภาษณ์เท่านั้น ซึ่งคำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่โดยส่วนมากจะโดนถามไม่น้อยกว่า 90% หลายคนอาจมองว่าเป็นคำถามเบสิคและอาจมองข้ามไป แต่คำถามเบสิคเหล่านี้นี่แหละที่หลายคนสมองไม่ทำงานระหว่างโดนถามมาแล้วทั้งนั้น และขอแนะนำว่า คำถามที่คิดว่าง่าย บางทีอาจเป็นตัวชี้ชะตาชีวิตคุณเลยก็ได้ สำหรับข้อแนะนำในการเตรียมตัวเข้าสอบสัมภาษณ์ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงเตรียมเอกสารไปให้ครบ พักผ่อนให้เพียงพอ แต่งตัวให้เรียบร้อย ยิ้มแย้มอยู่เสมอ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ มีสติทุกครั้งก่อนตอบ ให้คิดอยู่เสมอว่าไม่มีใครมาแย่งคุณตอบหรอก ดังนั้นใช้เวลาของคุณให้มีค่าที่สุดก็พอ