เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก บริษัททีวีบูรพา , pantip.com, โมเดิร์นไนน์ ทีวี
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของใครหลายคนอาจจะยังมาไม่ถึง แต่สำหรับใครบางคนผ่านไปแล้ว ที่สำคัญมันมีเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ที่ไม่สามารถไขว่คว้าไว้ได้ ทำให้คนบางคนถูกอดีตทำร้าย และนำความจริงแสนสั้นในอดีต มาสร้างเป็นโลกลวง หรือความจริงเสมือนในโลกปัจจุบัน จนใครๆ ก็หาว่า "เพี้ยน" และ "บ้า" ใช่แล้วค่ะ เรากำลังเอ่ยถึง "มิสป่าตอง" หญิงชราวัย 72 ปี แต่เธอหมุนเข็มนาฬิกาหยุดเวลาตัวเองไว้ที่อายุ 18 ปี ... ใครคือมิสป่าตอง...มิสป่าตองคืออะไร คำถามเหล่านี้คงผุดขึ้นในใจหลายคน
ทั้งนี้ ถ้าใครมีโอกาสได้ดูรายการคนค้นฅน เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา คงจะได้สัมผัสกับชีวิตเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยจินตนาการของ "มิสป่าตอง" พร้อมกับคงชอบใจกับวลีเด็ดๆ ที่เธอบอกว่า "เพิ่งเลิกกับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวฝีปากกล้า เพราะเค้าทำแต่ข่าวจนไม่มีเวลาให้" เจอแบบนี้เชื่อทำเอาหลายๆ คนอยากรู้จักกับแฟนของสรยุทธขึ้นมาในทันที วันนี้กระปุกดอทคอมเลยไม่พลาด ขอพาไปเปิดโลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการ แต่แฝงไว้ด้วยความรัก ความฝัน ความหลังที่ฝังจำฝังใจของอดีตอันเจ็บปวด ของหญิงสาวที่ใครๆ ก็เรียกเธอว่า "มิสป่าตอง" กันค่ะ...
ในมุมเล็กๆ ของจังหวัดภูเก็ตอย่าง "หาดป่าตอง" ยังมีสาวน้อยนางหนึ่ง ที่เธอหยุดเวลาชีวิตไว้ที่อายุ 18 ปี หรือจะเรียกให้ถูก คือ เธอหมุนเวลาตัวเองไว้ที่อายุ 18 ปี ทั้งๆ ที่อายุอานามเธอก็มากถึง 72 ปี . . . "มิสป่าตอง" หรือ "ละมูล คงสวัสดิ์" ชาวจังหวัดพิษณุโลก ที่มาใช้ชีวิตอยู่ที่หาดป่าตองได้ประมาณ 20 ปีกว่าก่อน ทุกๆ วันผู้คนตามร้านค้า ถนนหนทาง จะเห็นหญิงชราสาวสวยที่แต่งองค์ทรงเครื่องมาอย่างสวยสดงดงาม ค่อยๆ เดินไปเดินมา จนใครๆ ก็เรียกเธอติดปากว่า "มิสป่าตอง" ซึ่งเธอเป็นคนแรกและคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับตำแหน่งกิตติมศักดิ์นี้
"ละมูล" เป็นนักขุดทองรุ่นแรกๆ ของป่าตอง ที่อพยพมาจากจังหวัดพิษณุโลก ถึงเธอจะคว้าไม่ได้ในสิ่งที่ฝัน แต่เธอก็มีความสุขกับฝันที่เธอจินตนาการ และเธอก็ไม่เคยกล่าวโทษป่าตอง กลับกันเธอรู้สึกรักและหวงแหนป่าตอง จนไม่ยอมจากไปอยู่ที่ไหน จะขอตายอยู่ที่ป่าตอง ทั้งนี้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังไปทั่วป่าตอง แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอ ด้วยความรักที่เธอทุ่มเทให้กับที่นี่ อย่างหมดตัวหมดใจนี่เอง ทำให้ป่าตองตอบแทนเธอด้วยการมอบสิทธิพิเศษ ให้เธอเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์คนเดียว ที่ได้สวมมงกุฎพร้อมสายสะพายในตำแหน่ง "มิสป่าตอง" ตลอดกาล ณ ปัจจุบัน ละมูลเป็นมิสป่าตองมา 4 ปีแล้ว ซึ่งตำแหน่งมิสป่าตองไม่ใช่ใครๆ ก็จะเป็นได้ เพราะนอกจากต้องสวยและมีความรู้แล้ว จะต้องรักประชาชน รักประเทศชาติด้วย ซึ่ง "ละมูล" มีคุณสมบัติเหล่านี้ จึงทำให้เธอได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ และเธอได้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
"มิสอยู่ป่าตองตั้งแต่อายุ 25 ปี จนกระทั่งตอนนี้ 72 ปี แต่มิสอายุ 18 ปี เพราะเพิ่งเกิดมาใหม่ มิสเป็นลูกของพระพุทธเจ้า มิสมีบุญ ทำบุญไว้มาก ช่วยเหลือคนอยากคนจน เป็นมิสป่าตองมา 4 ปีแล้ว มิสไปประกวดนางฟ้าจำแลงได้ที่ 1 จากนั้นไปประกวดเป็นมิสภูเก็ต มิสได้เป็น 2 - 3 ตำแหน่ง และพอเค้ามาเปิดหาดป่าตอง มิสก็อยากไปเดินขบวนพาเหรดกับเค้า เลยใส่ชุดสีแดงกำมะหยี่ หน้าตาไม่แต่ง แล้วพอไปถึงปลาโลมาเค้ามายืนเคารพมิสกัน มิสก็ไม่รู้ว่าประชาชนตั้งให้เป็น มิสป่าตอง มิสหันหน้าหันหลังก็ไม่เชื่อว่ามิสเป็นมิสป่าตอง จนเค้าออกข่าวมาประมาณ 1 เดือน ถึงเชื่อว่าเป็นมิสป่าตอง ตอนฮานามิ (สึนามิ) เข้ามา ตอนนั้นนักท่องเที่ยวหายหมดเลย มิสก็คิดว่าตัวเองมีหน้าที่ ที่ต้องทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวป่าตองเยอะๆ"
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทุกๆ วัน มิสป่าตองคนนี้ใส่ชุดสวย ไม่ว่าจะเป็น ชุดว่ายน้ำ, ชุดราตรี เป็นต้น ออกไปเดินให้ความสำราญ เที่ยวทักทายผู้คนหรือนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณชายหาดป่าตอง ก่อนที่เธอจะไปปฏิบัติภารกิจอื่นๆ ของวัน
"มาเดินเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยว มิสก็มาเดินๆๆ เค้าบอกว่ามิสมีความรู้ ตัวมิสจะลำบากก็ไม่เท่าไหร่ แต่ประชาชนจะลำบากกว่ามิส เพราะไม่มีที่ทำมาหากิน ถึงเหนื่อยมิสก็ทน ไม่ท้อถอย มิสมีกำลังใจที่ประชาชนมีความสุข คือเห็นคนอื่นมีความสุขเราก็สุขด้วย ทุกอย่างมันอยู่ที่พรหมลิขิต ตราบใดที่ป่าตองยังเฟื่องฟู มิสก็จะอยู่คู่ป่าตอง"
และเมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจหน้าที่ทางสังคมแล้ว ในทุกๆ วันเธอจะไปรับพวงมาลัยจากตลาด เพื่อตอนค่ำจะได้นำไปส่งให้กับบรรดาร้านอาหารซีฟู๊ด ซึ่งเป็นลูกค้าเธอมาเป็นสิบปี ถึงฝนจะตกแดดออก เธอก็ไม่เคยหยุด เธอให้เหตุผลว่า ถ้ามิสไม่เอามาลัยไปส่งเขา แขกจะไม่เข้าร้านเขา มิสสงสารเขาก็ต้องไปส่งทุกวัน ร้านอาหารเหล่านี้ ก็จะเก็บขวดน้ำ กระป๋อง กระดาษ ไว้ให้เธอเป็นการตอบแทนน้ำใจ ทุกวันนี้เธอมีรายได้ ด้วยการเก็บของเก่า และขายมาลัยเป็นหลัก ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ถึงแม้เธอจะมีคนรัก เป็นชายผู้สูงศักดิ์ชาวต่างชาติ เป็นสะใภ้ของนายทุนที่มีกิจการใหญ่โต แต่เธอก็มีความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของผู้หญิง พอที่หยัดยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง จะตกระกำลำบากแค่ไหน เธอก็ไม่เคยเอ่ยปากขอใคร เพราะเธอคิดว่า "มีเท้าสิบนิ้ว มือสิบนิ้ว ก็ต้องมีปัญญาทำกันไป"
อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุที่ย่างเข้าสู่วัยชรา จึงอาจทำให้ความทรงจำบางส่วนได้สูญหายไป แต่เธอกลับจำเรื่องราวความรักไว้ในหัวใจ
"มิสเคยไปอยู่เยอรมัน กับแฟนที่ชื่อปีเตอร์ แฟนมิสอายุ 70 ปี มิสไปอยู่กับแกที่เยอรมัน 3 เดือน 15 วัน แต่แฟนมิสเป็นคนขี้หึง ไปไหนก็ไม่ให้ไป เวลาแกไปทำงานแกจะใส่กุญแจขังมิสไว้อยู่ในห้อง แถมยังชอบตีมิส จับมิสโยนบันได มิสทนไม่ไหวก็เลยบอกเค้าว่ามิสไม่อยู่แล้ว มิสจะกลับเมืองไทย พอมิสเลิกกับเค้าก็ไม่ได้ยุ่งกับใครอีกเลย จนมาเจอกับสรยุทธ (สรยุทธ สุทัศนะจินดา) ตอนแกมาทำข่าวฮานามิ (สึนามิ) พอมาเจอมิสก็แกก็ชอบมิส แล้วเป็นแฟนกัน แต่แกทำแต่ข่าว เลยไม่มีเวลาให้มิส สุดท้ายก็เลิกกัน เพราะแกไม่มีเวลาจริงๆ พอเยอรมันมาขอเค้าก็เลยยกให้เลย ส่วนกับแฟนเยอรมันคนล่าสุดหมั้นกันไว้ 4 ปีแล้ว มิสมีลูกกับแกตั้ง 13 คน เลยคิดถึง ตอนนี้ก็ท้องอยู่ 7 เดือน เค้ากลัวว่ามิสจะไปมีแฟนใหม่"
และนี่ก็คือเรื่องราว ความรัก ของ "มิสป่าตอง" . . . เชื่อว่าหลายๆ คนได้อ่านแล้วคงจะอมยิ้มไปกับความน่ารักของเธอแน่ๆ อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามเรื่องราวชีวิตตัวละครเล็กๆ ที่ดำรงอยู่ได้ด้วยความฝัน ในรายการคนค้นฅน วันอังคารที่ 7 เมษายนนี้ เวลา 22.15 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวีค่ะ
คนค้นคน
ไม่ออกไปค้น ไม่ออกไปดู ยิ่งไม่รู้ใหญ่
หากคนไม่เคยรู้จัก หากมองหน้าไม่รู้ใจ
หากสิ่งที่เห็น ไม่เป็นอย่างคิดมากมาย
ก็เลยต้องหา...ทาง...ตามไปเจอไปดู คุยกันให้รู้ให้ลึกกว่าที่เห็น
ยากเย็นจะยอมดิ้นรน คน ค้น คน
ชีวิตนั้นมีหลายตอน มีความซับซ้อนซ่อนอยู่
เคยตั้งคำถาม เคยอยากไปดู ไม่รู้เมื่อไหร่
ไปเป็นเหมือนเงาตามกัน เผชิญคืนวันข้างใน
ได้เก็บมาคิด ได้มองชีวิตเข้าใจ