สพฐ.เดินหน้าแยกเรื่องที่เด็กต้องรู้กับควรรู้แต่ละรายวิชา ประกาศเริ่มเทอมหน้า มั่นใจช่วยครูให้น้ำหนักจัดการเรียนการสอนได้ชัดเจนมากขึ้น
วันนี้(4ส.ค.)พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ที่ปัจจุบันมีโรงเรียนร่วมโครงการ ประมาณ 15,000 โรง โดยภาพรวมถือเป็นที่น่าพอใจแม้จะมีปัญหาบ้าง ซึ่ง สพฐ.ก็พยายามหาทางอุดช่องโหว่แล้ว แต่ก็ยังมีบางเรื่องต้องปรับปรุง ซึ่งตนได้ย้ำกับ สพฐ.ให้ไปดูเรื่องการจัดกิจกรรมต่าง ๆ จะต้องเชื่อมโยงกับตัวชี้วัดของแต่ละวิชาในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ เมื่อเรียนวิชาการในห้องเรียนแล้ว ให้นำสิ่งที่เรียนมาเชื่อมโยงกับกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ในช่วงบ่าย ซึ่งเรื่องนี้ครูส่วนใหญ่ก็ทำอยู่แล้วแต่อาจจะยังไม่เชื่อมโยงกันเท่านั้น
รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ สพฐ.ยังได้นำเสนอรายละเอียด การแยกเรื่องที่เด็กต้องรู้กับควรรู้แต่ละรายวิชา ในระดับชั้นป.1- ม. 3 เพื่อให้ครูปรับการสอนไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่เด็กต้องรู้และควรรู้ได้อย่างเหมาะสม ซึ่ง สพฐ.ประกาศใช้แนวทางดังกล่าวในภาคเรียนที่ 2/2559 อย่างไรก็ตามตนได้มอบหมายให้ สพฐ.ไปทำความเข้าใจกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.)ด้วย เพื่อให้ สทศ.ทราบว่า แต่ละรายวิชามีเรื่องใดบ้างที่เด็กต้องรู้และเรื่องใดที่ควรรู้ เพื่อ สทศ.จะได้ออกข้อสอบได้ตรงกับสิ่งที่เด็กเรียน
“การแยกสิ่งที่ต้องรู้และควรรู้ จะช่วยให้ครูให้น้ำหนักในการสอนได้ถูกต้อง เพราะ สพฐ.ได้วิเคราะห์มาแล้วว่า สิ่งที่เด็กควรรู้ จะเชื่อมโยงกับสิ่งที่เด็กต้องนำไปใช้ในการเรียนต่อระดับที่สูงขึ้น ขณะที่ สทศ.ก็จะได้ออกข้อสอบโดยเน้นในสิ่งที่เด็กต้องรู้ จากที่ผ่านมายังไม่มีจุดเน้นที่ชัดเจน ทำให้ออกข้อสอบปนกัน เด็กก็ต้องดูหนังสือมาก ครูก็ให้น้ำหนักในการสอนไม่ถูก อย่างไรก็ตามในการออกข้อสอบหากจะออกเกินไปในสิ่งที่ควรรู้บ้างก็สามารถทำได้”พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม 2559 เวลา 15.56 น.