ดันไทยเข้าสู่โหมดพัฒนา4.0ไม่ได้ยกตัวอย่างไอทีตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงโลก
นักธุรกิจชี้ ไทยจะเข้า 4.0 ได้ต้องพัฒนาคน กระตุ้นให้เห็นวิกฤติ จี้ยกระดับการศึกษา เหตุหลักสูตรมหา'ลัยในปัจจุบันปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงยุคสมัย ยกตัวอย่างไอที ยังสอนเรื่องแอปพลิเคชัน ทั้งที่โลกไปไกลล้ำกว่าระบบคลาวด์
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดเสวนาวิชาการเรื่อง "Start Up Thailand 4.0 เตรียมความพร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม" ซึ่งมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายสุรพิชย์ พรหมสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท แบงคอก เทรนนิ่ง อินเตอร์เนชั่นนัล จำกัด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาบุคลากรและนวัตกรรมการเรียนรู้ กล่าวว่า ประเทศไทยจะก้าวสู่ยุค 4.0 ได้ ที่สำคัญคือการขับเคลื่อนพัฒนาระบบการจัดการคน และการที่จะสร้างคนให้สามารถสร้างนวัตกรรมได้นั้น โดยต้องเริ่มจากการมีระบบการศึกษาที่ดี ดังนั้นจึงต้องกลับมามองการจัดการศึกษาของไทย ว่าครูผู้สอน หลักสูตร ได้มีส่วนกระตุ้นหรือทำให้เด็กเกิดการเปลี่ยนแปลงและผลิตนวัตกรรมได้หรือไม่ เพราะตอนนี้เด็กไทยใช้ชีวิตเรื่อยๆ ไม่ได้มองว่าประเทศกำลังวิกฤติเศรษฐกิจ ขณะที่ประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย พวกเขาพยายามให้คนของตัวเองตื่นตัวรับมือกับวิกฤติต่างๆ ทำให้คนในประเทศมองเห็นปัญหา และสามารถคิดระบบการศึกษาให้สร้างคนมาจัดการกับวิกฤติที่ว่าได้
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบการจัดการคนต้องทำให้มีทักษะที่ไม่ใช่เพียงคิดเป็น แก้ปัญหาได้ แต่ต้องรู้จักนำความรู้ ข้อมูลที่มีมากมายในโลกดิจิตอลที่พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และสร้างองค์ความรู้ นวัตกรรม ซึ่งจะสามารถทำได้เมื่อนำความรู้มาปฏิบัติจริง ดังนั้นสถานศึกษาต้องร่วมมือกับภาคธุรกิจ เอกชน ในการพัฒนาสร้างเด็กร่วมกัน เพื่อทำให้มีศักยภาพ ทำงานได้สอดคล้องกับที่สถานประกอบการต้องการ และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ รวมถึงต้องมีการเพิ่มเติมทักษะภาษาอังกฤษร่วมด้วย เนื่องจากตอนนี้คนไทยมีทักษะภาษาอังกฤษต่ำมาก ทำให้พลาดโอกาสดีในหลายๆ เรื่อง
"ระบบการศึกษาของไทยไม่ได้ทำให้เด็กเข้าใจอาชีพ บางคนเลือกเรียนเพราะอยากได้ปริญญาตรี ไม่ใช่เพื่อออกมาทำงานในสิ่งที่ตนเองเรียนมา อีกทั้งเด็กก็ไม่เคยเข้าไปปฏิบัติหรือเรียนรู้งานจริงๆ ขณะเดียวกัน อาชีวะเป็นการเรียนการสอนที่เน้นการปฏิบัติ แต่กลับมีคนสนใจเรียนน้อย ดังนั้นระบบการศึกษาต้องผลักดันให้เด็กสนใจเรียนอาชีวะมากขึ้น และต้องทำให้เด็กอาชีวะมีสถานะสูงเทียบเท่าปริญญาตรี เช่น เงินเดือน เพราะสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว คนจบอาชีวะเป็นคนที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก เนื่องจากเป็นคนที่ทำงานเป็น ไม่ต้องมาสอนซ้ำ" นายสุรพิชย์กล่าว
ด้านนายเฉลิมรัฐ นาควิเชียร ผู้อำนวยการสถาบันอินเทอร์เน็ตและการออกแบบ (Net Design) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่มหาวิทยาลัยสอนในปัจจุบัน เป็นหลักสูตรที่ผลิตคนที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของโลก และไม่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม เช่น หลักสูตรด้านไอที เมื่อมหาวิทยาลัยเปิดสอน วัตถุประสงค์คือต้องการกำลังผลิตบัณฑิตเพื่อรองรับยุค Appication แต่เมื่อเด็กจบออกมา ตอนนั้นก้าวสู่ยุค Cloud หรือยุคอื่นไปแล้ว ซึ่งที่เป็นแบบนี้ เพราะระบบการศึกษาไทยไม่ได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนในการเสนอแนะเรื่องการผลิตกำลังคนของประเทศ ซึ่งการจะให้ระบบการศึกษาของไทยสามารถผลิตบัณฑิตสอดคล้องกับความต้องการของโลกเทคโนโลยี นวัตกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือก้าวสู่ยุค 4.0 ได้นั้น รัฐจะต้องมีนโยบายที่เปิดกว้างทางความคิด ให้สถานประกอบการจริงได้เข้ามามีส่วนร่วมในระบบการศึกษา โครงสร้างพื้นฐานสนับสนุน และต้องพัฒนาระบบความคิดของผู้สอน.
ขอบคุณที่มาจาก ไทยโพสต์ วันที่ 5 สิงหาคม 2559