Advertisement
|
|
|
|
วันสงกรานต์
ประวัติความเป็นมา
จากประวัติที่เล่าสืบต่อกันมานั้น มีปรากฏในศิลาจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามว่า เศรษฐีคนหนึ่ง ไม่มีบุตร บ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุรา ซึ่งมีบุตร 2 คน มีผิวเนื้อเหมือนทอง วันหนึ่งนักเลงสุรานั้นเข้าไปกล่าวคำหยาบ คายต่อเศรษฐี เศรษฐีจึงถามว่าเหตุใดจึงมาหมิ่นประมาทต่อเราผู้มีสมบัติมากนักเลงสุราจึงตอบว่า ถึงท่านมีสมบัติ ก็ไม่มีบุตร ตายแล้วสมบัติก็จะสูญเปล่า เรามีบุตรเห็นว่าประเสริฐกว่า ท่านเศรษฐีมีความละอายใจจึงบวงสรวง พระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งอธิษฐานขอบุตรถึงสามปีก็มิได้มีบุตรอยู่มาถึงวันนักขัตฤกษ์สงกรานต์ พระอาทิตย์ยก ขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีจึงพาบริวารไปยังต้นไทรอันเป็นที่อยู่แห่งฝูงนกทั้งปวงริมฝั่งน้ำ จึงเอาข้าวสารล้างน้ำ 7 ครั้ง แล้วหุงขึ้นบูชาพระไทรประโคมพิณพาทย์ตั้งอธิษฐานขอบุตร พระไทรมีความกรุณาจึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ พระ อินทร์จึงให้ธรรมบาลเทวบุตรลงมาปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี เมื่อคลอดแล้วจึงให้ชื่อว่าธรรมบาลกุมาร ปลูก ปราสาทเจ็ดชั้นให้อยู่ใต้ต้นไทรริมฝั่งน้ำนั้น กุมารเจริญขึ้น ก็รู้ภาษานกแล้วเรียนไตรเพทจบ เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ ได้เป็นอาจารย์บอกมงคลการต่าง ๆ แก่มนุษย์ทั้งปวง ในขณะนั้นโลกทั้งหลายนับถือท้าวมหาพรหม และกบิลพรหม องค์หนึ่งว่า เป็นผู้แสดงมงคลแก่มนุษย์ทั้งปวง เมื่อกบิลพรหมทราบจึงลงมาถามปัญหาธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ สัญญา ไว้ว่าถ้าแก้ปัญหาได้จะตัดศีรษะบูชา ถ้าแก้ไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ปัญหานั้นว่า
ข้อ 1 เช้าราศีอยู่แห่งใด
ข้อ 2 เที่ยงราศีอยู่แห่งใด
ข้อ 3 ค่ำราศีอยู่แห่งใด
ธรรมบาลกุมารขอผลัด 7 วันเพื่อตอบปัญหาธรรมบาลกุมารขอผลัด7วัน เพื่อตอบปัญหาครั้นล่วงไปได้หกวันธรรมบาล กุมารก็ยังคิดไม่ได้จึงนึกว่าพรุ่งนี้จะตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหมไม่ต้อง การจำจะหนีไปซุกซ่อนตายเสียดีกว่าจึงลงจากปราสาทไปนอนอยู่ใต้ต้น ตาล2ต้นมีนกอินทรี2ตัวผัวเมียทำรังอยู่บนต้นตาลนั้นครั้นเวลาค่ำนาง นกอินทรีจึงถามสามีว่าพรุ่งนี้จะได้อาหารแห่งใดสามีบอกว่าจะกินศพ ธรรมบาลกุมารซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสียเพราะทายปัญหาไม่ออกนาง นกถามว่าปัญหานั้นอย่างไรสามีจึงบอกเล่าปัญหาให้เมียฟังนางนกถาม ว่าจะแก้อย่างไรสามีบอกว่าเช้าราศีอยู่ที่หน้ามนุษย์จึงเอาน้ำล้างหน้าเวลาเที่ยงราศีอยู่ที่อกมนุษย ์ทั้งหลายจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก เวลาค่ำราศีอยู่ที่เท้ามนุษย์ทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างเท้า
ธรรมบาลกุมารได้ยินดังนั้นก็กลับไปปราสาทวันรุ่งขึ้นท้าว กบิลพรหมถามปัญหาธรรมบาลกุมาร ก็แก้ ตามที่ได้ยินมา ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกเทพธิดาทั้ง 7 อันเป็นบริจาริกาพระอินทร์มาพร้อมกันแล้วบอกว่าเราจะตัดศีรษะบูชาธรรมบาลกุมาร ศีรษะของเราถ้าตั้งไว้บนแผ่นดิน ไฟจะไหม้ทั่วโลก ถ้าทิ้งขึ้นบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าทิ้งในมหาสมุทรน้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้ง 7 นั้นเอาพานมารับศีรษะ แล้วก็ตัดศีรษะส่งให้ธิดาองค์ใหญ่นางจึงเอาพานมารับพระเศียรบิดาไว้ แล้วแห่ทำประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาทีแล้วก็เชิญประดิษฐานไว้ในมณฑปถ้ำคันธุรีเขาไกรลาศ บูชาด้วยเครื่องทิพย์ต่าง ๆ พระเวสสุกรรมก็นฤมิตร แล้วด้วยแก้วเจ็ดประการ ชื่อภควดีให้เป็นที่ประชุมเทวดา เทวดาทั้งปวงก็นำเอาเถาฉมูลาดลงมาล้างในสระ อโนดาตเจ็ดครั้งแล้ว แจกกันสังเวยทุก ๆองค์ ครั้นถึงครบกำหนด 365 วันโลกสมมุติว่าปีหนึ่งเป็นสงกรานต์ นางเทพธิดาเจ็ดองค์จึงผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมออกแห่ประทักษิณเขาพระสุเมรุทุกปี
ธิดาทั้ง 7 ของท้าวกบิลพรหม ซึ่งเราสมมุติเรียกว่านางสงกรานต์นั้น มีชื่อต่าง ๆ ดังนี้ คือ
ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันอาทิตย์ นางสงกรานต์มีชื่อว่า ทุงษ
ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันจันทร์ นางสงกรานต์มีชื่อว่า โคราด
ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันอังคาร นางสงกรานต์มีชื่อว่า รากษส
ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันพุธ นางสงกรานต์มีชื่อว่า มัณฑา
ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันพฤหัสบดี นางสงกรานต์มีชื่อว่า กิริณี
ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันศุกร์ นางสงกรานต์มีชื่อว่า กิมิทา
ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันเสาร์ นางสงกรานต์มีชื่อว่า มโหทร
- 13 เมษายน วันมหาสงกรานต์
- 14 เมษายน วันเถลิงศก
- 15 เมษายน วันเนา
ระยะเวลา
ประเพณีสงกรานต์ของไทยนั้น โดยปกติจะถือเอาช่วงวันที่ 13-14 เมษายน ของทุกปี เป็นช่วงระยะเวลา ของเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม กำหนดช่วงเวลาสงกรานต์ในแต่ละท้องถิ่นอาจแตกต่างกันไปบ้างขึ้นอยู่กับประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมา
คุณค่าและความสำคัญ
ประเพณีสงกรานต์ถือเป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ที่ยึดถือปฏิบัติมาแต่โบราณช่วงวันสงกรานต์ จึงเป็นวันแห่งความ เอื้ออาทร ความรัก ความผูกพัน ที่มีต่อกันทั้งในครอบครัว ชุมชน สังคม และ ศาสนา ดังนี้ คุณค่าต่อต่อครอบครัวทำให้สมาชิกของครอบครัวได้มีโอกาสมาอยู่ร่วมกันเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตา เช่นช่วยกันทำความสะอาดบ้าน จัดบ้านใหม่ ช่วยกันทำขนมไว้ทำบุญและเลี้ยงลูกหลาน ขนมไทย สงกรานต์ กะละแม ลอกช่องน้ำกะทิ ฯลฯ จัดหาผ้าใหม่มอบให้คนรักนับถือ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ รวมทั้งแสดงความกตัญญู กตเวทิตาต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้คุณค่าต่อชุมชนทำให้เกิดความ สมัครสมานสามัคคีในชุมชน เช่น ส่งขนม/ของกินให้แก่กันและกันร่วมกันทำบุญให้ทาน พบปะสังสรรค์สนุก สนานรื่นเริงร่วมกันคุณค่าต่อสังคม ทำให้มีความเอื้ออาทรต่อบุคคลในสังคมและร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการช่วยกันทำความสะอาดบ้านเรือน วัดวาอาราม ที่สาธารณะ และอาคารสถานที่ต่าง ๆ คุณค่าต่อศาสนา ช่วยกันทำนุบำรุงพระศาสนา โดยการทำบุญตักบาตร เลี้ยงพระ การปฏิบัติธรรมฟังเทศน์ การสรงน้ำพระ
กิจกรรมที่ควรอนุรักษ์ฟื้นฟูและส่งเสริมให้มีการปฏิบัติ ดังนี้
การเตรียมงาน
- การเตรียมเครื่องนุ่งห่ม เป็นการเตรียมเครื่องนุ่งห่มให้สะอาด เรียบร้อย หรือจะใช้ชุดใหม่ก็ได้ รวมทั้งการเตรียมผ้าสำหรับใช้ ในการไหว้บิดา มารดา หรือ ญาติผู้ใหญ่คนรักนับถือ
- การทำความสะอาดบ้านเรือน ที่อยู่อาศัยบริเวณต่าง ๆ ในชุมชนที่อยู่ เช่น วัดวาอารามที่จะใช้เป็นสถานที่สำหรับทำบุญหรือที่สาธารณะอื่น ๆ
การจัดงาน
- การทำบุญตักบาตรตอนเช้า หรือนำอาหารไปเลี้ยงพระที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บุพการีที่ล่วงลับไปแล้ว
- การก่อเจดีย์ทราย โดยขนทรายเข้าวัด แล้วร่วมกันก่อเจดีย ์ ทรายเป็นรูปเจดีย์หริอรูปสั...ต่าง ๆปักธงหลากสี ธูปเทียน และดอกไม้เป็นเครื่องบูชาพระ
- การทำทาน โดยการปล่อยนก ปล่อยให้นกไปสู่อิสระ ไปป่า ปล่อยปลาปล่อยแม่ปลาหรือปลาใหญ่รวมทั้งการฟังเทศน์ ถือศีลปฏิบัติธรรม
- การสรงน้ำพระพุทธรูปในบ้านและที่วัด โดยใช้น้ำสะอาดหรือน้ำผสมน้ำอบไทยลอยด้วยดอกไม้สดเช่น ดอกมะลิ
- สรงน้ำพระภิกษุสามเณรด้วยน้ำสะอาด แล้วถวายผ้าสบงหรือผ้าไตร
- การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ โดยใช้น้ำสะอาด หรือน้ำผสมน้ำอบไทยลอยด้วยดอกไม้สด เช่น ดอกมะลิ หรือตามประเพณีนิยมของท้องถิ่นนั้น ๆ
- การเล่นรดน้ำ เชื่อมความสัมพันธ์กับญาติมิตรสหาย โดยใช้น้ำสะอาดและเล่นอย่างสุภาพ เหมาะสมกับกาลเทศะไม่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้อื่น
- การละเล่นรื่นเริงอื่น ๆ ตามประเพณีนิยมของท้องถิ่นนั้น ๆ
สงกรานต์ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยนับแต่โบราณ เพิ่งมาเปลี่ยนตามแบบสากล มาเป็นวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี เป็นวันขึ้นปีใหม่และวันที่ 12,13,14 เมษายน เป็นวันสงกรานต์ นับเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองขึ้นปีใหม่แบบไทยๆ ที่สนุกสนาน คนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ จะได้กลับไปเยี่ยม บ้านหลายวันก็ในช่วงนี้ ในขณะที่คนกรุงเทพฯ เองก็ตระหนัก แผนการท่องเที่ยวกับครอบครัว เช่นเดียวกัน
สงกรานต์ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยนับแต่โบราณ เพิ่งมาเปลี่ยนตามแบบสากล มาเป็นวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี เป็นวันขึ้นปีใหม่และวันที่ 12,13,14 เมษายน เป็นวันสงกรานต์ นับเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองขึ้นปีใหม่แบบไทยๆ ที่สนุกสนาน คนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ จะได้กลับไปเยี่ยม บ้านหลายวันก็ในช่วงนี้ ในขณะที่คนกรุงเทพฯ เองก็ตระหนัก แผนการท่องเที่ยวกับครอบครัว เช่นเดียวกัน
การรดน้ำถือเป็นสิริมงคล เป็นการอวยพรปีใหม่ให้กัน และกัน สำหรับหนุ่มสาวน้ำที่รดมักใช้น้ำหอมเจือด้วยน้ำ ธรรมดา ส่วนการรดน้ำผู้ใหญ่ที่นับถือ ครูบาอาจารย์จะรดที่ มือท่าน ท่านจะให้ศีลให้พร ถ้าเป็นพระจะนำผ้าสบงไปถวาย ให้ผลัดเปลี่ยน หากเป็นฆราวาสจะหาผ้าหรือผ้าขาวม้าไปให้
การดำหัว คือ การรดน้ำแต่เป็นคำเมืองทางภาคเหนือ การดำหัวเรียกเฉพาะ การรดน้ำผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ผู้ส่งอายุ คือการขอขมาในสิ่งที่ ได้ล่วงเกินไปแล้วหรือขอพร ปีใหม่จากผู้ใหญ่ ของที่ใช้ในการดำส่วนมาก มีผ้าขนหนู มะพร้าว กล้วย และน้ำส้มป่อย คำพรจะเริ่มต้นว่า วันนี้เป็นวันดีปีใหม่แล้วก็มาถึง ขอให้สุข สบาย ในขณะรับพรผู้ให้พระจะรดน้ำจนเปียกโชก หลังจากรับพร ผู้ไปดำหัว จะรดและอวยพรตอบแทนส่วนการปล่อยนก ปล่อยปลา ถือเป็นการล้างบาปและสะเดาะ-เคราะห์ร้ายให้หมดสิ้นไป มีแต่ความสุขความเจริญ
ความสำคัญของวันสงกรานต์
1. บอกให้เรารู้วันเดือนปีใหม่ อันเป็นเครื่องเตือนใจบอก ให้รู้ถึงอายุขัยของเราล่วงมาแล้วเท่าไร
2. เตือนให้ชำระล้างตัวและจิตใจให้สะอาด ทำการงานให้เสร็จลง ไปในขวบปีหนึ่งแล้ว ได้เตรียมตัวทำต่อไป ได้โอกาสแก้ไขปรับปรุงการงาน ได้แสดงความเคารพบูชาต่อพระพุทธศาสนา ได้แสดงความเคารพผู้หลัก-ผู้ใหญ่เพื่อสนองอุปการคุณของท่าน
3. เป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามไว้คู่ชาติ
|
วันที่ 11 เม.ย. 2552
หน้าหนาวแล้ว คุณครูสนใจไหม DoDo เก้าอี้แคมป์ปิ้ง รับน้ำหนักได้เยอะ พร้อมกระเป๋าจัดเก็บ โครงอลูมิเนียมรับน้ำหนักได้200KG ในราคา ฿189 - ฿509 ที่ Shopeehttps://s.shopee.co.th/9pNuttuIUm?share_channel_code=6
Advertisement
เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง เปิดอ่าน 7,171 ครั้ง เปิดอ่าน 7,161 ครั้ง เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง เปิดอ่าน 7,158 ครั้ง เปิดอ่าน 7,156 ครั้ง เปิดอ่าน 7,170 ครั้ง เปิดอ่าน 7,158 ครั้ง เปิดอ่าน 7,171 ครั้ง เปิดอ่าน 7,163 ครั้ง เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง เปิดอ่าน 7,180 ครั้ง เปิดอ่าน 7,191 ครั้ง เปิดอ่าน 7,165 ครั้ง เปิดอ่าน 7,156 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,152 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,158 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,154 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,175 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,160 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,161 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,168 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 70,017 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,708 ครั้ง |
เปิดอ่าน 79,913 ครั้ง |
เปิดอ่าน 18,770 ครั้ง |
เปิดอ่าน 75,625 ครั้ง |
|
|