สมุนไพรที่อยู่ใกล้ตัวเรา มีทั้งคุณและโทษ ...บางชนิดโทษร้ายแรงถึงตายได้หากไม่รู้จักระมัดระวัง วันนี้เรามารู้จักพิษภัยของสมุนไพรเหล่านี้ดีกว่าค่ะ...
พญ.นาฑีรัตน์ สังขวิภา อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้นำสมุนไพรมาใช้รักษาโรคต่างๆ มากขึ้น เช่น จากชุมเห็ดเทศ คูน กานพลู ฯลฯ ซึ่งมีประโยชน์ แต่บางชนิดมีพิษควรระวังไม่เก็บมาใช้เป็นยา หรือเล่นเป็นของเล่นเช่น
มะกล่ำตาหนู :
มีสารอะบรินในเมล็ด มีพิษสูงมากทำให้ทางเดินอาหารอักเสบ เนื้อตายที่ตับและไตเม็ดเลือดแดงแตก สารอะบรินนี้จะถูกทำลายด้วยความร้อน
สบู่ขาวหรือสบู่เลือด :เมล็ดเป็นยาถ่ายอย่างแรง มีสารนิโครติน และเคอระซิน แต่มีพิษน้อยกว่าโรซินจากละหุ่ง
มันฝรั่ง :ในหัวที่กำลังงอกมีสารโซลานิน ถ้ากินเข้าไปจะเกิดการปวดแสบปวดร้อนในลำคอ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มึนงง และท้องร่วงได้
มันสำปะหลัง :
ในหัวดิบมีสารไลนามาริน ซึ่งสลายตัวในน้ำย่อย เป็นกรดไฮโดรไซยาไนด์ ถ้ากินหัวดิบจะทำให้เกิดอาการมึนงง หน้าเขียว เล็บเขียว หายใจขัด เพราะขาดออกซิเจนถึงแก่ความตายได้ จึงควรทำให้สุกก่อน
โพธิ์ศรี : เมล็ดมีสารทอกซิน ฮูริน และเครบิตินมีพิษกินเพียง 2-3 เมล็ด จะเกิดอาการอาเจียน ท้องร่วงรุนแรงได้
ละหุ่ง : กากที่เหลือจากการบีบน้ำมันโดยไม่ใช้ความร้อนมีสารโรซิน และไรซินิน ทำให้เกิดอาการพิษคล้ายพิษของมะกล่ำตาหนู เช่น ระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร ท้องร่วง ฝุ่นผงจากกากเมล็ด ทำให้แพ้ หอบ หืด และช็อกได้
สลอด :
น้ำมันจากเมล็ดของสลอด มีสารโครติน ทำให้ระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร คลื่นไส้ และอาเจียน ท้องร่วง และเป็นยาถ่ายอย่างแรง
ยี่โถ หรือยี่โถจีน :ทุกส่วนของต้นมีสารไกลโคไซด์ ทำให้เกิดอากาคลื่นไส้อาเจียนและหมดสติ
แสลงใจ :
เมล็ดมีสารสตริกนินซึ่งเป็นพิษอย่างแรงกระตุ้นประสาทไขสันหลังและบรูซินซึ่งกระตุ้นประสาทส่วนกลางทำให้ชักและถึงตายได้