วิป 3 ฝ่ายไฟเขียวแผนปฏิรูปศึกษา - พัฒนาอาชีวะ ศธ.ควบรวมหมื่นโรงเรียนเล็ก
มอบกระทรวงท่องเที่ยว-สปท.สถาบันพละร่วมหาข้อสรุป ตั้งมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ
"สุวพันธุ์"เผยวิป 3 ฝ่ายเห็นชอบแผนปฏิรูป การศึกษา มอบ "สปท.-ศธ."ปรับคุณภาพศึกษาควบรวม 10,971 โรงเรียนขนาดเล็ก พร้อมพัฒนาอาชีวศึกษา ด้านสนช.รับหลักการร่างพ.ร.บ.กสทช.วาระแรก ขณะเดียวกันนัดแถลงเปิดสำนวนถอดถอน "ประชา" 28 ก.ค.
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยวานนี้(30 มิ.ย.) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานระหว่างรัฐบาล สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) หรือวิป 3 ฝ่าย ว่า ได้พิจารณาแผนการปฏิรูปด้านการศึกษาที่สปท.เสนอ คือ 1.การอาชีวศึกษาแบบทวิภาคี ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา(สอศ.) กับผู้ประกอบการเอกชนต่างๆ ในการจัดการศึกษาเพื่อให้นักเรียนอาชีวศึกษามีงานทำ ทั้งระหว่างเรียนและหลังจบการศึกษาไปแล้ว
ทั้งนี้สปท.เสนอว่าต้องการให้รัฐบาล ขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) และกระทรวงแรงงาน ที่มาชี้แจงต่อที่ประชุม ก็เห็นด้วย พร้อมระบุว่ามีแผนการ ขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบ และให้คณะกรรมาธิการ(กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการศึกษา สปท.ทำงานร่วมกับทั้ง 2 กระทรวงนี้ เพื่อให้ประสบผลสำเร็จต่อไป 2.การบริหารจัดการการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีประมาณ 15,000 โรง ซึ่งสปท.เสนอมาตรการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก ด้วยการให้ควบรวมด้วยกัน โดยมีโรงเรียนที่จะควบรวมได้ 10,971 โรง ส่วนที่ไม่ถูกควบรวมเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพ เป็นโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือเป็นโรงเรียนที่แต่ละแห่งอยู่ห่างระหว่างกันเกิน 6 กิโลเมตร
ขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) มีแผนการทำงานในเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้นที่ประชุมเห็นชอบที่กมธ.ปฏิรูปการศึกษาฯ จะไปทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ในการให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะ ติดตามประเมินผลเพื่อเร่งรัดงานดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จ เพราะเป็นเรื่องที่มีปัญหามานานแล้ว ทั้งหมดนี้ถือว่าความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของสปท.เป็นไปในทิศทางเดียวกับแผนงานของกระทรวงศึกษาธิการ
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอของ สปท. เรื่องการบูรณาการสถาบันการพลศึกษาเป็นมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พร้อมร่างพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งจะให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยดังกล่าวประจำ 4 ภาค แต่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอว่าควรตั้งมหาวิทยาลัยนี้ที่เดียว และที่เหลือให้ตั้งเป็นวิทยาเขต
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ไปพิจารณาเรื่องความเหมาะสม สาขาวิชาที่ควรมี และต้องเกิดความไม่ซ้ำซ้อน เพราะขณะนี้มีสถาบันการพลศึกษาทั่วประเทศ 17 แห่ง โรงเรียนกีฬา 13 โรง
ทั้งนี้ที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายจึงมอบหมายให้ สปท. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และสถาบันการพลศึกษา ไปหารือร่วมกันในรายละเอียดเพราะแต่ละฝ่ายยังเห็นต่างกันอยู่ เพื่อหาข้อสรุปพร้อมกับปรับปรุงร่างพ.ร.บ.จัดตั้งมหาวิทยาลัยดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะการกีฬาเป็นสิ่งสำคัญและมีประโยชน์ต่อประเทศในหลายแง่มุม
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ