เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุมพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปรประเทศด้านการศึกษาเรื่องการปฏิรูปแผนปฏิรูประบบการประกันคุณภาพการศึกษา โดยนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานกรรมธิการฯ ชี้แจงว่า ทางกรรมาธิการฯ เคยเสนอแผนเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาของระบบประกันคุณภาพการศึกษาที่มีข้อเสนอแนะให้ชะลอการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน โดยหน่วยงานต้นสังกัดและการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอกรอบที่ 4 ในอีก 2 ปี จนกว่าการพัฒนาระบบคุณภาพการศึกษาจะแล้วเสร็จ ซึ่งระบบประกันคุณภาพการศึกษาสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการประเมินคุณภาพการศึกษาในปัจจุบัน เพื่อให้ได้ผลการประเมินคุณภาพคุณภาพจริงของการศึกษาและนำผลประเมินไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพ ดังนั้นการประเมินจึงต้องสอดคล้อง กับงานที่ทำประจำของบุคลกรและสถานศึกษา โดยไม่สร้างภาระงานเพิ่ม แต่สามารถสร้างการพัฒนางานประจำให้เกิดคุณภาพ และเกณฑ์คุณภาพจะต้องยืดหยุ่นเหมาะสมกับแต่ละระดับและประเภทการศึกษาที่แตกต่างกัน
นายวิวัฒน์ ทั้งนี้เห็นว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกรณีมีการดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและภายนอกตามระบบเดิมจะไม่ช่วยให้บรรลุจุดมุ่งหมายเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยมุ่งเน้นที่ผู้เรียนเป็นสำคัญ เนื่องจากกระบวนการประกันคุณภาพในปัจจุบันมุ่งเน้นที่การตรวจสอบระบบกลไก และเอกสารประกอบกระบวนการบริหารจัดการการศึกษามากกว่าการตรวจสอบผลลัพธ์คือคุณภาพของผู้เรียน และขัดต่อนโยบายคืนครูให้นักเรียน เพราะภาระงานในการดำเนินการประกันคุณภาพทำให้ผู้สอนต้องทิ้งห้องเรียนมาเตรียมเอกสารรองรับการประเมิน เป็นอุปสรรคต่อเป้าหมาย นโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เพราะครูไม่มีเวลาในการจัดเตรียมสื่อเพื่อการสอนที่เหมาะสม เนื่องจากถูกดึงเวลาจากการทำหน้าที่สอนให้ไปทำกิจกรรมอื่นๆ และผลการประเมินที่ออกมาไม่สะท้อนคุณภาพการศึกษา ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเดิมกรรมาธิการจึงเสนอแผนการปฏิรูประบบประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวต่อจากแผนปฏิรูปเร่งด่วน ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก
ทั้งนี้ได้มีการเปิดให้สมาชิกอภิปราย โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรายงานาดังกล่าว จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในรายงานของกรรมาธิการฯ ด้วยคะแนน 143 งดออกเสียง 2คะแนน เพื่อส่งให้ ครม.พิจารณาต่อไป
ที่มา สยามรัฐ วันที่ 21 มิถุนายน 2559