ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ผลประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 6/2559 วันที่ 15 มิถุนายน 2559


ข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ 16 มิ.ย. 2559 เวลา 09:54 น. เปิดอ่าน : 14,996 ครั้ง
Advertisement

ผลประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 6/2559 วันที่ 15 มิถุนายน 2559

Advertisement

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 6/2559 เมื่อวันพุธที่ 15 มิถุนายน 2559 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามโครงการต่างๆ ขององค์กรหลัก สรุปดังนี้

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)

ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามโครงการสำคัญของ สกอ. 3 ส่วน คือ

1) ระบบบริหารงานวิจัยภายใน สกอ. ปัจจุบันมีบุคลากรวิจัยจำนวน 59,674 คน แบ่งเป็นศาสตราจารย์ 607 คน รองศาสตราจารย์ 5,584 คน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ 12,112 คน และอาจารย์ 41,371 คน โดยในปี 2559 สกอ.ได้รับจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยจำนวนประมาณ 2.2 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านการอุดมศึกษา อาทิ โครงการทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ อาจารย์รุ่นกลาง วุฒิเมธีวิจัย เมธีวิจัยอาวุโส และศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น โครงการส่งเสริมให้บุคลากรวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาไปปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรม (Talent Mobility) เป็นต้น

ทั้งนี้ ในส่วนของระบบบริหารงานวิจัย สกอ.ได้มีฐานข้อมูลงานวิจัยเพื่อสนับสนุนภารกิจที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่

- ด้านการพัฒนาศักยภาพของนักวิจัย มีโครงการที่สำคัญคือ โครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ 9 แห่ง ตาม Super Cluster ของรัฐบาล อาทิ ด้านเกษตรและอาหาร ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านอุตสาหกรรม ด้านพลังงาน ด้านสังคม และด้านสุขภาพ เป็นต้น

- ด้านการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ มีโครงการที่สำคัญคือ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, โครงการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนฐานราก เป็นต้น

- ด้านสนับสนุนการวิจัยสู่ความเป็นเลิศ ภายใต้โครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในรูปแบบของศูนย์ความเป็นเลิศ (Centre of Excellence : CoE) ด้านต่างๆ จำนวน 11 ศูนย์ เช่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมทางเคมี ศูนย์ความเป็นเลิศด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านคณิตศาสตร์ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและของเสียอันตราย เป็นต้น

2) ความก้าวหน้าการดำเนินการโครงการส่งเสริมให้บุคลากรวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาไปปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรม (Talent Mobility) ปีงบประมาณ 2559 ใน 3 กิจกรรม คือ

- การจัดสรรทุนสนับสนุนวิจัย ให้กับโครงการที่ผ่านการคัดเลือกใน 4 รอบ รวม 14 โครงการ พร้อมเปิดรับข้อเสนอโครงการเพิ่มเป็นรอบที่ 5 โดยนักวิจัยสามารถยื่นข้อเสนอได้ภายใน 15 กรกฎาคมนี้

- การเตรียมความพร้อมและการพัฒนาบุคลากรวิจัยก่อนไปปฏิบัติร่วมกับภาคเอกชน โดยได้คัดเลือกหน่วยงานในมหาวิทยาลัย 9 แห่ง ที่จะเป็นหน่วยจัดฝึกอบรมโครงการ Talent Mobility ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมนี้ ซึ่งมีเนื้อหาการฝึกอบรมทั้งด้านงบประมาณ งานธุรการ การจัดการทรัพย์สินทางปัญหา ตลอดจนการถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี

- การสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ Talent Mobility ของสถาบันอุดมศึกษา ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การสนับสนุนกิจกรรมการดำเนินงานโครงการ Talent Mobility ในสถาบันอุดมศึกษา ประจำปี 2559 ระหว่าง สกอ.กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ และสถาบันอุดมศึกษา 13 แห่ง เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรวิจัยปฏิบัติงานเพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มขีดความสามารถของการผลิตภาคอุตสาหกรรม พัฒนาศักยภาพด้านการวิจัย และพัฒนางานวิจัยในระดับที่สูงขึ้น ตลอดจนนำองค์ความรู้ใหม่ๆ มาใช้ในการทำงาน

3) รายงานผลการดำเนินการโครงการทุนพัฒนาศักยภาพนักวิจัยด้านยุทโธปกรณ์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของกองทัพและการป้องกันประเทศ ซึ่ง สกอ.ได้จัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนากับกองทัพบกเมื่อปี 2558 เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนานักวิจัยด้านยุทโธปกรณ์ในสถาบันอุดมศึกษา ให้กองทัพบกนำผลวิจัยไปใช้ประโยชน์ และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีนวัตกรรมจากต่างประเทศ ซึ่งในปี 2559 มีผลการดำเนินงานคือ ได้มีการจัดพิธีส่งมอบผลงานโครงการวิจัยด้านยุทโธปกรณ์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของกองทัพและการป้องกันประเทศให้กับกองทัพบกจำนวน 14 โครงการ พร้อมทั้งได้พิจารณาคัดเลือกโครงการทุนพัฒนาศักยภาพนักวิจัยด้านยุทโธปกรณ์ฯ เพื่อให้การสนับสนุนงบประมาณการวิจัยในปี 2559 รวม 18 ทุน วงเงิน 44 ล้านบาท

สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.)

ที่ประชุมรับทราบรายงานการยกระดับการศึกษาให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ให้จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งสำนักงาน กศน.ได้เปิดรับสมัครเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีพนักงาน รปภ.ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมยกระดับการศึกษา ในปีการศึกษา 1/2559 รวม 2,716 คน แบ่งเป็นหลักสูตร กศน.ปี 2551 แบบพบกลุ่ม 1,923 คน (ประถมศึกษา 233 คน, มัธยมศึกษาตอนต้น 812 คน, มัธยมศึกษาตอนปลาย 878 คน) และหลักสูตร กศน.ปี 2551 แบบทางไกล 60 คน (ประถมศึกษา 8 คน, มัธยมศึกษาตอนต้น 49 คน, มัธยมศึกษาตอนปลาย 3 คน)

ในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่เป็นพนักงาน รปภ.จากจังหวัดนครราชสีมามากที่สุด จำนวน 1,290 คน รองลงมาคือกรุงเทพฯ จำนวน 555 คน

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)

ที่ประชุมรับทราบมาตรการแก้ไขปัญหาทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษาอาชีวศึกษา ตามที่ สอศ.รายงาน โดยเน้นมาตรการป้องกัน ดังนี้

1) จำแนกนักเรียนนักศึกษา ได้ให้มอบสถานศึกษาจัดทำข้อมูลนักเรียนนักศึกษา จำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปกติ กลุ่มเฝ้าระวัง และกลุ่มที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพื่อจัดส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหารือแก้ไขปัญหาแบบเจาะลึกร่วมกับผู้ปกครองเป็นรายบุคคลต่อไป

2) จัดระบบติดตามการเข้าเรียน ได้จัดระบบการตรวจรายชื่อเด็กที่มาเข้าเรียน และหากมาสายก็จะติดต่อกลับไปยังผู้ปกครองทันที

3) ป้องกันรุ่นพี่ มีการเพิ่มมาตรการป้องกันรุ่นพี่ไม่ให้เข้ามาในสถานศึกษาอย่างเด็ดขาด

4) การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุ ขอให้ครูและผู้บริหารสถานศึกษาเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทโดยทันที

5) ปรับปรุงมาตรการของสถานศึกษา ได้แจ้งให้ทุกสถานศึกษาปรับปรุงมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อเหตุทะเลาะวิวาทใหม่ พร้อมจัดส่งมายัง สอศ.ภายในสัปดาห์หน้า

6) ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกสถานศึกษาได้มีความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เป็นรายแห่ง เพื่อหารือมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาร่วมกัน

7) จัดอบรมป้องกัน ขณะนี้เตรียมจัดฝึกอบรมละลายพฤติกรรมนักศึกษา ปวช.1 ในวิทยาลัยกลุ่มเสี่ยง จำนวน 850 คน เนื่องจากเด็กที่ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นเด็กชั้นปีที่ 1 และตั้งแต่ปีการศึกษา 2558 ได้ส่งเด็กกลุ่มเสี่ยงเข้าร่วมโครงการทวิภาคี เพื่อทำงานกับภาคเอกชนในสถานประกอบการและตอบโจทย์เรียนแล้วมีรายได้ ซึ่งจะช่วยลดการก่อเหตุทะเลาะวิวาทได้อย่างเป็นรูปธรรม

8) กำหนดพื้นที่ดูแลร่วมอาชีวะภาครัฐและเอกชน ภายหลังมีการรวมอาชีวะภาครัฐและเอกชนเข้าด้วยกัน ส่งผลให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหามีความคล่องตัวและเข้าถึงกันมากขึ้น พร้อมเตรียมกำหนดพื้นที่ดูแลร่วมกับเอกชนอย่างเข้มข้นต่อไป

รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยกับสื่อมวลชนเพิ่มเติม เกี่ยวกับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของนักเรียนอาชีวะ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา บริเวณหน้าห้างเมเจอร์รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รวมทั้งกรณีอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้น จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้สึกเสียใจและไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา สอศ. สถานศึกษาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีความร่วมมือในการทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการดำเนินงานในเรื่องนี้อย่างเข้มข้นจริงจัง และไม่มีการละเว้นโทษกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายทุกคน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ได้ข้อค้นพบที่สำคัญคือ ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำเป็นเพียงเด็กระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 ซึ่งเพิ่งเข้ามาเรียนเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น ประกอบกับสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างจังหวัดปทุมธานี กับเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองพื้นที่ดำเนินการเป็นอย่างดี และในช่วง 2 ปีนี้ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นเลย แต่ต้องยอมรับว่าครั้งนี้ อาจจะเกิดช่องว่างในเชื่อมโยงการทำงานในช่วงของรอยต่อของพื้นที่ ที่ต้องมีการหารือร่วมกันเพื่อให้เกิดความการเชื่อมโยงและอุดช่องว่างต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป

ทั้งนี้ ได้กล่าวฝากไปยังนักเรียนนักศึกษาทุกคนว่า “การบังคับใช้กฎหมายสำหรับผู้กระทำความผิดจะไม่มีการละเว้น หากเยาวชนทำผิดก็ต้องรับโทษตามขั้นตอนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และขอยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังเช่นกัน ดังนั้นการก่อเหตุใดๆ ในที่ชุมชนหรือที่สาธารณะ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ขอให้คิดให้ดี คิดให้หนักมากกว่าปกติ สำหรับเด็กที่เพิ่งเข้ามาเรียน ปวช.1 ซึ่งยังมีวุฒิภาวะน้อยและอาจถูกรุ่นพี่ชักจูงไปในทางที่ไม่ดีได้ง่าย เพราะรุ่นพี่ก็มีทั้งที่เป็นเด็กดีเรียบร้อย และไม่เรียบร้อย ทั้งที่เรียนจบ เรียนไม่จบ แต่ต้องออกก่อนเวลา จึงขอเน้นสถานศึกษาเน้นดูแลรุ่นพี่ที่ยังไม่เรียนไม่จบเป็นพิเศษด้วย”

นอกจากนี้ มีประเด็นรายงานความก้าวหน้าของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เกี่ยวกับประเด็นข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์ด้านการผลิตพัฒนาและการใช้ครู ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ และรายงานความก้าวหน้าของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ในการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ของกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 ซึ่งในภาพรวมกระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 517,076.4657 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้วจนถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2559 จำนวนทั้งสิ้น 351,954.0719 ล้านบาท หรือคิดเป็นเบิกจ่ายไปแล้วร้อยละ 68 ซึ่งยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 77

นวรัตน์ รามสูต, บัลลังก์ โรหิตเสถียร : สรุป/รายงาน
นวรัตน์ รามสูต : ถ่ายภาพ

ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 16 มิถุนายน 2559


ผลประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 6/2559 วันที่ 15 มิถุนายน 2559ผลประชุมกระทรวงศึกษาธิการครั้งที่62559วันที่15มิถุนายน2559

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

สมัครสอบแข่งขันเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น คลิกที่นี่

สมัครสอบแข่งขันเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น คลิกที่นี่

เปิดอ่าน 33,674 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ครม.เห็นชอบหยุดราชการในพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ
ครม.เห็นชอบหยุดราชการในพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ
เปิดอ่าน 13,948 ☕ คลิกอ่านเลย

พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผ่าน 3 วาระรวด
พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผ่าน 3 วาระรวด
เปิดอ่าน 28,166 ☕ คลิกอ่านเลย

สรุปผลการดำเนินงานตาม 31 นโยบายหลักด้านการศึกษา
สรุปผลการดำเนินงานตาม 31 นโยบายหลักด้านการศึกษา
เปิดอ่าน 13,082 ☕ คลิกอ่านเลย

ครม.แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ใน ศธ.
ครม.แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ใน ศธ.
เปิดอ่าน 11,309 ☕ คลิกอ่านเลย

มาตรฐานตำแหน่งและเงินเพิ่มพิเศษ ของครู-ผู้บริหารสถานศึกษา
มาตรฐานตำแหน่งและเงินเพิ่มพิเศษ ของครู-ผู้บริหารสถานศึกษา
เปิดอ่าน 6,962 ☕ คลิกอ่านเลย

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงซึ่งออกตามความ พ.ร.บ.การอาชีวศึกษา
ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงซึ่งออกตามความ พ.ร.บ.การอาชีวศึกษา
เปิดอ่าน 7,066 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร
สภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558 จะปฏิรูปการศึกษาไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร
เปิดอ่าน 12,868 ครั้ง

ไม่ต้องพิมพ์ให้เมื่อยมืออีกต่อไป Google Docs ให้เราพิมพ์ข้อความด้วยการพูดบนคอมพิวเตอร์ได้แล้ว ดูวิธีใช้
ไม่ต้องพิมพ์ให้เมื่อยมืออีกต่อไป Google Docs ให้เราพิมพ์ข้อความด้วยการพูดบนคอมพิวเตอร์ได้แล้ว ดูวิธีใช้
เปิดอ่าน 45,203 ครั้ง

เตือนภัยยาเสียสาวแพร่ระบาด
เตือนภัยยาเสียสาวแพร่ระบาด
เปิดอ่าน 15,042 ครั้ง

นั่งนานทำให้เป็นคนขี้โรค
นั่งนานทำให้เป็นคนขี้โรค
เปิดอ่าน 9,632 ครั้ง

หากท่านต้องยกกล่องหนักๆ ลองวิธีนี้ดูสิ จะช่วยให้เบากว่าเดิม
หากท่านต้องยกกล่องหนักๆ ลองวิธีนี้ดูสิ จะช่วยให้เบากว่าเดิม
เปิดอ่าน 15,018 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ