เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.59 นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลัง โดยธนาคารออมสิน เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ธนาคารออมสิน อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่ข้าราชการครูที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยใช้เงินที่ทายาทจะได้รับในอนาคตมาค้ำประกัน ได้แก่ เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ครอบครัว หรือเงินบำเหน็จตกทอด เพื่อนำเงินสินเชื่อใหม่มาลดภาระหนี้ หรือปิดบัญชีหนี้ที่มีอยู่ปัจจุบัน โดยธนาคารออมสินกำหนดวงเงินสินเชื่อใหม่ให้ในจำนวนไม่เกินสิทธิที่ทายาทจะได้รับเมื่อผู้กู้เสียชีวิต ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยปกติของธนาคารออมสิน โดยผู้กู้ไม่ต้องผ่อนชำระหนี้วงเงินสินเชื่อใหม่ตลอดอายุสัญญา
นายพินิจศักดิ์ กล่าวต่อว่า สกสค.ได้นำเรื่องนี้เสนอต่อคณะกรรมการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ชพค.) และบอร์ด ชพค.ได้เห็นชอบการนำเงิน ชพค.ทั้งประกันเงินกู้แล้ว และเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา สกสค.ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนธนาคารออมสิน เพื่อพิจารณาร่างบันทึกข้อตกลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้สินเชื่อ ซึ่งได้ข้อสรุปแล้ว คาดว่าจะสามารถดำเนินโครงการได้ในเดือน ก.ค.นี้
ทั้งนี้ สำหรับคุณสมบัติผู้กู้ที่จะร่วมโครงการ จะต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ยื่นกู้ โดยต้องเป็นสมาชิก ชพค.และกู้สินเชื่อโครงการ ชพค.ของธนาคารออมสินอยู่ก่อน หากมีหนี้ค้างชำระต้องชำระหนี้ค้างทั้งหมด หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในคราวเดียวกัน และต้องไม่เป็นผู้มีหนี้ค้างชำระกับธนาคารออมสิน รวมทั้งไม่เป็นผู้ที่ธนาคารออมสินหักเงินสนับสนุนพิเศษของสำนักงาน สกสค.ไปชำระหนี้แทน หรือถ้ามีก็ต้องชำระหนี้ให้หมดก่อน นอกจากนี้ ต้องไม่ค้างชำระเงินสงเคราะห์รายศพรายเดือน และต้องระบุชื่อผู้มีสิทธิรับเงิน ชพค.ให้เรียบร้อยก่อนยื่นคำขอกู้ สำหรับวงเงินให้กู้จะไม่เกินรายละ 7 แสนบาท ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เท่ากับร้อยละ 4 ต่อปี ระยะเวลาการให้กู้ 20 ปี ยกเว้นกรณีอายุผู้กู้เมื่อรวมกับระยะเวลาการกู้แล้วเกิน 75 ปี ให้ลดระยะเวลาการกู้ลงให้รวมแล้วอายุผู้กู้ไม่เกิน 75 ปี
"สรุปก็คือ คนที่จะเข้าร่วมโครงการได้ จะต้องมีวินัยทางการเงินที่ดี อายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งจากข้อมูลขณะนี้ สมาชิกที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีประมาณ 2.8 แสนคน ส่วนเรื่องการทำประกันนั้น ในรายละเอียดของโครงการไม่ได้พูดถึง แต่ทางธนาคารออมสินเสนอว่า ควรให้มีการทำประกันสินเชื่อปลอดภัยได้หรือไม่ ซึ่งทาง สกสค.ก็ได้ตอบไปแล้วว่าไม่ขัดข้อง แต่ต้องให้ผู้กู้ตัดสินใจเอง ต้องไม่เป็นเงื่อนไขบังคับให้ทำ เพราะฉะนั้น ผู้กู้จะทำประกันหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะประกันกี่ปี เสียเบี้ยประกันจำนวนเท่าไหร่ เพราะจะเป็นประโยชน์สำหรับทายาท แต่ที่สำคัญผู้กู้ต้องรับทราบรายละเอียดทั้งหมด และด้วยความสมัครใจ" นายพินิจศักดิ์ กล่าว
ที่มา: http://www.naewna.com