ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

สะเต็มศึกษาไม่ใช่เรื่องใหม่ สสวท.อยากเน้นให้ชัดเจน


ข่าวการศึกษา 3 มิ.ย. 2559 เวลา 14:30 น. เปิดอ่าน : 14,459 ครั้ง
สะเต็มศึกษาไม่ใช่เรื่องใหม่ สสวท.อยากเน้นให้ชัดเจน

Advertisement

ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า จากปัญหาในปัจจุบันที่จำนวนผู้เรียนสายวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีลดลง ตั้งแต่การศึกษาขั้นพื้นฐานอาชีวศึกษา และอุดมศึกษา นอกจากนี้การประเมินผลทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ บ่งชี้ว่าการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในระดับโรงเรียน มีคุณภาพโดยเฉลี่ยต่ำ ด้วยเหตุนี้ ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการจึงได้ขับเคลื่อนให้เดินหน้า "สะเต็มศึกษา" (STEM Education) ในประเทศไทย โดยหวังว่าจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของไทยขึ้นมาได้

สะเต็มศึกษา หรือ STEM Education (Science Technology Engineering and Mathematics Education)

เป็นแนวทางใหม่ ในการจัดการศึกษาแบบบูรณาการบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ตั้งแต่การศึกษาขั้นพื้นฐาน จากปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษา อาชีวศึกษา และการศึกษาตลอดชีวิต ทั้งนี้ที่ผ่านมาเหตุที่การเรียนการสอนของไทยยังไม่บรรลุเป้าหมาย เกิดจากปัจจัยหลายอย่างทั้งครู สื่อการสอน กระบวนการเรียนการสอน ซึ่งการเน้นให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริง จะกระตุ้นความสนใจได้มาก จากผลการวัดและประเมิน จะเห็นได้ว่าเด็กไทยไม่ได้ถูกฝึกให้มีความสามารถในการคิดและการอ่านมากนัก การสอบวัดผลส่วนใหญ่จะเป็นคำถามแบบเลือกตอบ ซึ่งปิดกั้นทางความคิดของเด็กทำให้เด็กไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นการปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสะเต็มศึกษาต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้ตอบคำถามที่ใช้การอธิบาย หรือคำถามแบบปลายเปิด ครูผู้สอนจะได้รู้ว่าเด็กมีความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือทักษะของการอ่าน และทักษะคณิตศาสตร์ จะช่วยให้เข้าใจและนำไปปรับใช้กับวิชาอื่นๆได้

การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษา สามารถจัดการเรียนรู้ได้หลายแนวทาง "สะเต็มศึกษาไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ สสวท.อยากเน้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น" เน้นให้เด็กนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะวิชาเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิต และการประกอบอาชีพ คิดว่ากระบวนการนี้จะสร้างความน่าสนใจ ทำให้เกิดการเรียนรู้กับเด็กไทย

ผู้อำนวยการ สสวท. ได้อธิบายว่า "สะเต็มศึกษาเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว เพราะมีครูจำนวนมากที่ได้จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยนำเอาสาระเนื้อหาวิชาต่างๆ มาให้นักเรียนได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน การนำสะเต็มศึกษามาใช้ จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ครูจะต้องทิ้งของเดิมทั้งหมด เพียงแต่รู้จักบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์เข้าด้วยกัน โดยต่อจากนี้ไปสังคมไทย และแวดวงการศึกษาของไทยก็จะเห็นการส่งเสริมผลักดันด้านสะเต็มศึกษาจาก สสวท.อย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การปฏิบัติที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ"

ผู้อำนวยการ สสวท. กล่าวถึงบทบาทในการ ขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาของ สสวท. ว่า "สำหรับการขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาในเบื้องต้น ได้กระจากระบวนการเหล่านี้สู่ท้องถิ่น ในรูปแบบของการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ พยายามสร้างเครือข่ายในอนุภูมิภาค เราได้นำวิธีการเหล่านี้มาเสริมศักยภาพเด็ก ด้วยการเรียนรู้จากการทำโครงงานอยู่แล้ว ตอนนี้ก็จะเริ่มใช้กับโรงเรียนในเครือข่ายก่อน หากเรื่องใดมีเนื้อหาที่ลึกก็อาจมีการขอความช่วยเหลือจากอาจารย์มหาวิทยาลัย จากภาคเอกชน หรือผู้ประกอบการ ก็สามารถสนับสนุนองค์ความรู้ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่สามารถแก้ปัญหาในระบบโรงเรียนได้ก็คืองบประมาณในการจัดหาสื่ออย่างเพียงพอ

ทั้งนี้ สสวท.คาดหวังว่าการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางของ สสวท. รวมทั้งสะเต็มศึกษาจะกระตุ้นการเรียนการสอนให้เด็กสนใจ ในการตอบโจทย์เพื่อยกระดับผลการประเมิน PISA ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน และต่อเนื่องระยะยาว เพราะปัญหาของ PISA คือการอ่าน สพฐ.มีนโยบายที่จะผลักดันในเรื่องของการอ่าน การเรียนการสอนวิชาต่างๆ สามารถเน้นการอ่านได้ ฉะนั้นเรื่องการอ่านจะเข้ามาแทรกในวิชาต่างๆ นอกจากนี้การวัดและการประเมินผลจะเน้นการคิดวิเคราะห์ให้คุณครูได้ใช้เป็นตัวอย่าง จึงควรปรับเปลี่ยนกระบวนการวัดและประเมินผลที่เน้นความจำ ให้นักเรียนได้อธิบายเพิ่มขึ้น เป็นเรื่องที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กัน และไม่ใช่แค่วิชาเดียว ต้องทำทุกวิชา

ผู้อำนวยการ สสวท. สรุปทิ้งท้ายเอาไว้ว่า นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการต้องการให้นักเรียนสามารถนำความรู้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ และมองเห็นการเชื่อมโยงอาชีพในอนาคตข้างหน้า ซึ่งต้องอาศัยเวลาหลายปี นักเรียนจะได้ฝึกฝน สะสมความรู้ความคิด คนรุ่นใหม่มีความรู้และทักษะในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ สามารถประกอบวิชาชีพได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งมีเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพและเพิ่มจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี เร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประชากรไทยให้ทันการเปลี่ยนแปลงโลก

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง


สะเต็มศึกษาไม่ใช่เรื่องใหม่ สสวท.อยากเน้นให้ชัดเจนสะเต็มศึกษาไม่ใช่เรื่องใหม่สสวท.อยากเน้นให้ชัดเจน

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

สพฐ.ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการประเมินภาคความเหมาะสมกับตำแหน่งเพื่อบรรจุฯ ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38ค. (2)

สพฐ.ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการประเมินภาคความเหมาะสมกับตำแหน่งเพื่อบรรจุฯ ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38ค. (2)

เปิดอ่าน 2,205 ☕ 18 เม.ย. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
สพฐ.แจ้งการสอบแข่งขันฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ. 2567 สมัครสอบทางออนไลน์เพียงรูปแบบเดียว
สพฐ.แจ้งการสอบแข่งขันฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ. 2567 สมัครสอบทางออนไลน์เพียงรูปแบบเดียว
เปิดอ่าน 471 ☕ 25 เม.ย. 2567

ประกาศผลการพิจารณาคัดเลือกโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" ปีที่ 18 ปีการศึกษา 2566 (ระดับประเทศ)
ประกาศผลการพิจารณาคัดเลือกโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" ปีที่ 18 ปีการศึกษา 2566 (ระดับประเทศ)
เปิดอ่าน 301 ☕ 25 เม.ย. 2567

การปรับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการจัดประชุมราชการ
การปรับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการจัดประชุมราชการ
เปิดอ่าน 324 ☕ 25 เม.ย. 2567

แนวทางการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ประเภทเงินเพื่อประโยชน์การศึกษา โครงการ "สุขาดี มีความสุข"
แนวทางการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ประเภทเงินเพื่อประโยชน์การศึกษา โครงการ "สุขาดี มีความสุข"
เปิดอ่าน 676 ☕ 25 เม.ย. 2567

แนวทางปฏิบัติการจัดทำหนังสือราชการ (เรียนดี มีความสุข)
แนวทางปฏิบัติการจัดทำหนังสือราชการ (เรียนดี มีความสุข)
เปิดอ่าน 1,673 ☕ 25 เม.ย. 2567

ปฏิทินการจ้างและการประเมินนักการภารโรง ระยะเวลา 5 เดือน (พฤษภาคม – กันยายน 2567)
ปฏิทินการจ้างและการประเมินนักการภารโรง ระยะเวลา 5 เดือน (พฤษภาคม – กันยายน 2567)
เปิดอ่าน 2,402 ☕ 24 เม.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ดิจิตอลอีสาน...ใบลานอิเลคทรอนิกส์
ดิจิตอลอีสาน...ใบลานอิเลคทรอนิกส์
เปิดอ่าน 12,174 ครั้ง

แอปเปิ้ลหลากสีหลากประโยชน์
แอปเปิ้ลหลากสีหลากประโยชน์
เปิดอ่าน 15,732 ครั้ง

ตุ๊กตาดินเผา เสริมฮวงจุ้ยให้บ้านเรา
ตุ๊กตาดินเผา เสริมฮวงจุ้ยให้บ้านเรา
เปิดอ่าน 15,320 ครั้ง

ย้อนรอยสายราชสกุล... ในพระบรมราชจักรีวงศ์ (๑)
ย้อนรอยสายราชสกุล... ในพระบรมราชจักรีวงศ์ (๑)
เปิดอ่าน 39,842 ครั้ง

วิธีแก้เมื่อลืมกินยาตามเวลา
วิธีแก้เมื่อลืมกินยาตามเวลา
เปิดอ่าน 11,040 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ