ดร.บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 13 (จังหวัดยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้รับผิดชอบติดตามการดำเนินงาน "โครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" ซึ่งจาก การลงพื้นที่ตรวจราชการ พบว่า หลายโรงเรียนสามารถทำได้ดี ขณะที่มีโรงเรียนอีกไม่น้อยที่ยัง มีข้อจำกัดทั้งเรื่องความเข้าใจในหลักการของโครงการ และการเปิดโอกาสให้นักเรียนเลือกกิจกรรม ซึ่งก็ต้องมีการทำความเข้าใจกันต่อไป แต่ภาพรวมแล้วถือว่ามีความเข้าใจกันมากขึ้นแล้ว และในปีการศึกษา 2559 นี้ก็มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการมากขึ้นด้วย
"ในพื้นที่ที่ผมตรวจราชการ พบว่า โรงเรียนอนุบาลน้องหญิง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนและเข้าร่วมโครงการเมื่อ ปีที่ผ่านมา ทางโรงเรียนสามารถจัดกิจกรรมลดเวลาเรียนได้ตรงตามวัตถุประสงค์ นำหลักสูตรสู่การปฏิบัติได้ โดยบูรณาการหลายวิชา เช่น สอนเด็กทำโมบาย ซึ่งเด็กจะไม่ใช่แค่ทำโมบาย แต่ เด็กจะได้ใช้ทักษะวิชาคณิตศาสตร์ในการคำนวณกระดาษ ได้พูดและเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เป็นต้น โดยเด็กจะคิดกิจกรรมกันเอง และจัดกิจกรรมอย่างเป็นระบบ มีครูคอยให้คำแนะนำไม่ใช่สั่ง ซึ่งทำให้เด็กเกิดทักษะต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นถ้าโรงเรียนต่าง ๆ มีความเข้าใจ ปรับ และสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วม กันได้ จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนของ เด็ก และเกิดประโยชน์ต่อคุณภาพการศึกษา" ดร.บัณฑิตย์ กล่าว
ด้าน นางธนพรรณ แก้วจันดี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลน้องหญิง จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า โรงเรียนทำอยู่ก่อนแล้ว คือ พยายาม ให้เด็กเรียนไม่เครียด ผ่อนคลาย เน้นสอนคน ไม่ใช่สอนหนังสือ โดยจะให้เอาความดีมาก่อนความเก่ง เพราะเมื่อดีแล้วความเก่งก็จะตามมา พอกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ทางโรงเรียนก็สามารถปรับได้ง่าย วิธีการคือ ใช้หลักบูรณาการทุกวิชา ให้เด็กเลือกกิจกรรมตามที่สนใจ หรือจะคิดกิจกรรมใหม่ก็ได้ โดยมีครูให้คำแนะนำและครูก็ต้องวางแผนร่วมกัน เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน เพราะครูก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้เด็กได้ฝึกทักษะด้าน ต่าง ๆ รวมถึงการคิดวิเคราะห์ด้วย.
ที่มา เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 31 พ.ค. 2559 (กรอบบ่าย)