"รมว.ศธ." แนะดึงสถาบันอุดมฯ เป็นพี่เลี้ยงโรงเรียนขับเคลื่อนสะเต็มศึกษา "การุณ" เผยหวังคะแนนพิซ่ากระเตื้อง
นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ในการประชุมสะเต็มศึกษาที่มี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมมีมติคัดเลือกโรงเรียนที่เข้าขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาในปี 2559 รวมทั้งสิ้น 2,495 โรง จัดกลุ่มพัฒนาโรงเรียนสะเต็มศึกษา 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มแรก กลุ่มโรงเรียนนำร่อง 2,250 โรงทั่วประเทศ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ยังไม่เคยจัดการเรียนการสอนโดยใช้กิจกรรมสะเต็มศึกษามาก่อน คัดจากเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ 225 เขต เขตละ 10 โรง ประกอบด้วย โรงเรียนในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย กลุ่มที่ 2 กลุ่มโรงเรียนที่มีความพร้อมและมีการจัดกิจกรรมสะเต็มศึกษาอย่างเข้มข้น จำนวน 154 โรงเรียน ทำหน้าที่เป็นศูนย์ให้คำปรึกษาและคำแนะนำการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรสะเต็มศึกษาแก่โรงเรียนอื่นๆ เช่น กลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เป็นต้น และกลุ่มที่ 3 กลุ่มโรงเรียนศูนย์สะเต็มศึกษาระดับภาค จำนวน 13 โรง ทำหน้าที่เป็นศูนย์ฝึกอบรมให้ความรู้บุคลากร ประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีเครือข่ายโรงเรียนสะเต็มศึกษาอีก 78 โรงคอยช่วยเหลือการทำงานด้วย
เลขาฯ กพฐ.กล่าวต่อว่า รมว.ศธ.มอบโจทย์ให้ทุกฝ่ายไปคิดด้วยว่า เป้าหมายการขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาของ ศธ.ในคราวนี้ ผลสัมฤทธิ์ที่จะต้องเกิดขึ้นมีเรื่องอะไรบ้าง จะมีอะไรเป็นตัวชี้วัด แต่ที่แน่ๆ ก็คือ สพฐ.หวังว่าคะแนนผลการประเมินในโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programme for International Student Assessment : PISA) หรือพิซ่า จะสูงขึ้น แต่ในเรื่องอื่นๆ รมว.ศธ.ก็ให้ไปคิดถึงผลที่คาดหวังจะให้เป็นไปได้ เช่น ช่วยส่งเสริมให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์ เกิดไอเดียต่อยอดไปสู่การสร้างนวัตกรรม หรือเส้นทางอาชีพ เป็นต้น และนำมาเสนอที่ประชุมครั้งต่อไป และขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการจัดอบรมบุคลากร เพื่อเริ่มขับเคลื่อนการสอนสะเต็มศึกษาอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมิถุนายน 2559
ทั้งนี้ รมว.ศธ.มีข้อเสนอแนะว่าควรจะประสานไปยังสถาบันอุดมศึกษาที่อยู่ในพื้นที่เข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้กับโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายทั้ง 2,495 โรง ทั้งในด้านการสนับสนุนองค์ความรู้ สร้างความเข้าใจในเรื่องของวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ไปประสานกับสถาบันอุดมศึกษา เบื้องต้น สสวท.ได้แจ้งว่าปัจจุบัน สสวท.ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 26 แห่ง และมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีก 11 แห่ง เป็นเครือข่ายในการพัฒนาสะเต็มศึกษาอยู่แล้ว ซึ่งจากนี้ก็จะไปประสานเพื่อขอความร่วมมือเพิ่มเติม เป้าหมายสำคัญเพื่อให้การจัดการสอนสะเต็มศึกษาเป็นไปอย่างเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพและคุณภาพ.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 30 พฤษภาคม 2559