15 วิธีการเลือกรถยนต์มือสองด้วยตัวเอง
บางครั้งบางที เราก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องซื้อรถใหม่เอี่ยมใช้เสมอไป รถมือสองก็มีดีเหมือนกันนะคะ บางทีคุ้มค่ากว่าซื้อรถมือหนึ่งมาใช้เสียอีก เพราะไม่ต้องห่วงหวงเท่ารถใหม่ จริงไหมคะ
แต่ปัญหาก็มีอยู่ว่า จะซื้อรถมือสอง ไม่ได้เป็นเรื่องยาก แต่การจะซื้อรถมือสองด้วยตัวเอง แล้วเลือกรถยนต์ที่ได้คุณภาพดี เหมาะกับราคาเนี่ยล่ะ อาจจะเป็นเรื่องยากกว่าที่คิดค่ะ
ทีนี้ก่อนเราจะตัดสินใจควักกระเป๋าซื้อรถมือสองสักคัน มีอะไรที่เราจะต้องพิจารณาบ้าง มาดูกันค่ะ
# วิธีตรวจสอบรถยนต์มือสอง
1. ตรวจสอบรถยนต์บนพื้นราบ
อย่างแรกที่จะต้องดูก่อนเริ่มการตรวจสอบรถมือสองคือต้องให้รถยนต์จอดอยู่บนพื้นราบค่ะ นี่จะทำให้เราสามารถตรวจสอบช่วงล่างของรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง และยังเป็นการรับประกันความปลอดภัยของตัวเราเองอีกด้วยค่ะ
2. เดินดูรอบคัน
เมื่อเรามั่นใจแล้วว่ารถยนต์จอดอยู่บนพื้นที่ราบ ไม่เอียงทางใดทางหนึ่ง เราก็เริ่มเดินตรวจสอบสภาพภายนอกกันค่ะ สิ่งที่ต้องตรวจสอบคือ การทำสี ร่องรอยสนิม รอยบุบ รอยนูน รอยถลอก มีสีหลุดร่อนบ้างไหม ดูโดยละเอียดตั้งแต่หน้ารถ ไปจนถึงท้ายรถเลยค่ะ อย่าลืมดูบนหลังคนด้วยนะคะ แล้วตรวจดูตัวถังรถด้านใน มีรอยสนิม รอยถลอก รอยปูดบวม รอยบุบอะไรตรงไหนบ้าง นี่ก็เพื่อเป็นการตรวจสอบโครงสร้างพื้นผิวของรถยนต์นั่นเองค่ะ
3. ห้องเก็บของหลังรถ
ตรวจสอบสภาพห้องเก็บของหลังรถ อย่าลืมเปิดดูยางอะไหล่ว่ามีสภาพเรียบร้อยสมบูรณ์ดีหรือไม่ ตรวจสอบกล่องเครื่องมือประจำรถว่ามีอุปกรณ์ทุกอย่างครบไหม
4. ห้องเครื่องยนต์
สำหรับรถยนต์มือสอง เราควรตรวจสอบว่ามีร่องรอยการชน รอยบุบ รอยยุบ มีความเสียหายต่างๆ ที่อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุครั้งก่อนๆ หรือจากการไม่ดูแล หรือไม่ซ่อมบำรุง ตรวจสอบเลขตัวถัง เลขเครื่อง หากเลขเหล่านี้ไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะที่ควร หรือหายไป หรือมีรอยถูกแก้ไขใหม่ ให้รีบสอบถามเหตุผลและตรวจสอบรายละเอียดให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจด้วยค่ะ
5. ท่อยาง และสายพาน
ตรวจสอบท่อยาง และสายพานทำได้ง่ายๆ แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เป็นช่างรถยนต์ ตรวจสอบว่ามีรอยร้าวรอยรั่วตรงไหนหรือไม่ ดูสภาพท่อยางและสายพานว่ามีรอยแตกลายงาหรือไม่ มีสภาพยืดหยุ่นสวยงามอย่างที่ควรเป็นหรือไม่ และตรวจสอบความสะอาดด้วยนะคะ
6. ระบบความเย็น
ตรวจสอบว่าระบบความเย็นทำงานตรงสมบูรณ์หรือไม่ ลองเปิดแอร์ ปรับความเย็น แรงลมว่าทำงานได้ดีปกติดีหรือไม่ น้ำยาแอร์ของรถยนต์จะต้องเป็น R134 เท่านั้นนะคะ
7. ระยะทางและการใช้งาน
ตรวจสอบจำนวนระยะทางที่ใช้งาน ตัวเลขระยะทางสามารถบอกอายุของรถยนต์ และความเสื่อมถอยของชิ้นส่วนต่างๆ ได้นะคะ ปกติแล้วตัวรถยนต์จะมีระยะทางการใช้งานที่ประมาณ 25,000 - 35,000 กิโลเมตรต่อปี โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อาชีพการงาน พื้นที่ใช้งาน (ขับรถในเมือง หรือต่างจังหวัด) อย่าลืมนะคะ ว่าสภาพรถยนต์ ปีรถ ระยะทางการใช้งานควรสอดคล้องกันด้วยค่ะ
8. คู่มือเข้าศูนย์บริการ
เราควรตรวจสอบคู่มือการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการประจำรถยนต์เพื่อตรวจสอบประวัติการนำรถเข้ารับการซ่อมบำรุงการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยค่ะ นี่ก็เพื่อเราจะสามารถวางแผนได้ ว่าเราจะต้องนำรถมือสองไปเข้าซ่อมบำรุงครั้งต่อไปเมื่อไหร่ อย่างไร ส่วนนี้ต้องระวังนะะ เพราะผู้ขายรถมือสองหลายรายอาจจะทำการแก้ไขหรือปกปิดเอกสารเหล่านี้ หากรถยนต์มีการใช้งานหนักมากๆ หรือเกิดอุบัติเหตุหนักๆ มานั่นเองค่ะ
9. ตรวจสอบระบบเบรก
วิธีการทดสอบคือ ระหว่างการทดลองขับรถ ให้ลองทดสอบระบบเบรก และระบบ ABS ว่าทำงานได้ปกติสมบูรณ์ดีหรือไม่ ทดสอบได้กับความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. บนพื้นที่ว่าง ไม่มีรถหนาแน่น แต่ควรระวังรถยนต์ที่ขับตามมาด้วยนะคะ ลองฟังเสียงเบรก ความรู้สึกต่างๆ เป็นการทดสอบที่สำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถมากนะคะ
10. ส่วนประกอบเครื่องยนต์
ตรวจสอบส่วนประกอบเครื่องยนต์ต่างๆ ว่ามีของเหลวที่ผิดปกติ มีการรั่วซึมหรือมีชิ้นส่วนที่มีรอยร้าว มีสนิม มีรอยถลอกรอยแตกที่ผิดปกติหรือไม่ การตรวจสอบของเหล่านี้ ทำให้เราสามารถตรวจดูการใช้งานของเจ้าของเดิม และจะได้วางแผนซ่อมบำรุงต่อไปได้หากคุณตัดสินใจซื้อนั่นเองค่ะ
11. ตรวจแกนวัดระดับของเหลว
ตรวจสอบแกนวัดระดับของเหลวต่างๆ ว่าอยู่ในระดับปกติ ต้องมีสีปกติตามที่ควร ไม่มีสีที่ผิดปกติที่อาจเกิดจากการที่เครื่องมีความร้อนสูงเกินไปจนโอเวอร์ฮีท น้ำยาไม่ดำ ไม่มีกลิ่นไหม้ หรือไม่มีสิ่งแปลกปลอม ฝาสูบไม่โก่ง ฯลฯ เป็นต้น
12. ตรวจสอบยางรถยนต์
ตรวจสอบยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อด้วยนะคะ ว่ามีลักษณะเหมาะกันหรือไม่ รุ่นยาง ปีที่ผลิต ลักษณะความสมมาตรของยางแต่ละเส้น ลักษณะการสึกกร่อน อาจจะมีสึกไม่เท่ากันบ้าง ถ้าแบบนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่าจุดศูนย์ถ่วงของล้อรถยนต์ไม่ตรง อาจจะต้องมีการตั้งศูนย์ใหม่ หรืออาจจะเป็นเพราะอุบัติเหตุ ตรงนี้ก็ต้องตรวจสอบด้วยค่ะ
13. ระบบท่อไอเสีย
ตรวจสอบใต้ท้องรถยนต์ โดยจะต้องใส่ใจกับระบบท่อไอเสีย รอยดำที่อาจจะผิดปกติ มีรอยสนิม รอยแตก มีรอยรั่วซึม โดยหากมีร่องรอยอาจจะบ่งบอกถึงสภาพที่เกิดจากอุบัติเหตุได้ด้วยค่ะ
14. คำนวณราคา
เมื่อเราได้ทำการตรวจสอบทุกๆ จุดจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลานำเอาข้อมูลทั้งหมดมารวมกันเพื่อทำการคำนวณราคาที่เหมาะสม โดยเราอาจจะใช้ราคากลางตลาดเป็นที่ตั้งได้นะคะ อาจจะอ้างอิงจากราคากลางของรถยนต์ที่มีสภาพกลางๆ หากรถยนต์มีสภาพดี ก็อาจจะตกลงโดยใช้ราคาใกล้เคียงกับราคากลางได้ หรือหากมีจุดบกพร่องมาก แต่ว่ายังต้องการซื้อรถคันนี้ ก็อาจจะขอตกลงราคากับผู้ขาย หรือ อาจจะทำการส่งรถยนต์ไปตรวจกับศูนย์รถยนต์ที่ราไว้ใจ เพื่อขอความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอีกทางหนึ่งก็ได้ค่ะ
15. อย่าไปคนเดียว
อีกคำแนะนำที่อยากให้ไว้ คือ แม้ว่าเราอาจจะพอมีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ และสามารถตรวจสภาพเบื้องต้นเองได้ เราก็ควรจะหาผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่เป็นช่างเครื่อง อาจจะให้ค่าเสียเวลา หรือเลี้ยงข้าวอะไรก็ว่าไป หรือว่าขอผู้ขาย ว่าจะนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการที่เรารู้จักเพื่อขอให้เขาตรวจสอบรถยนต์ให้แทนก็ได้ค่ะ อาจจะมีค่าใช้จ่ายบ้าง แต่อย่างน้อยเรื่องแบบนี้ ปลอดภัยไว้ก่อน กันไว้ดีกว่าแก้ทีหลังแน่นอนค่ะ
อย่าลืมนะคะ ของดีราคาถูก ไม่มีในโลกนี้ค่ะ แต่ของดีราคาเหมาะสม คุ้ม่า เป็นสิ่งที่หากันได้ค่ะ และสุดท้ายนี้ อย่าลืมเปรียบเทียบค้นหาประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสม เป็นการคุ้มครองทั้งตัวคุณ คนที่คุณรัก และทรัพย์สินของคุณได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ
สนับสนุนข้อมูลโดย: Rabbit Finance