ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ผลประชุมคณะกรรมการนโยบาย "สะเต็มศึกษา" กระทรวงศึกษาธิการ


ข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ 29 พ.ค. 2559 เวลา 10:01 น. เปิดอ่าน : 20,965 ครั้ง
Advertisement

ผลประชุมคณะกรรมการนโยบาย "สะเต็มศึกษา" กระทรวงศึกษาธิการ

Advertisement

ศึกษาธิการ - พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการจัดการเรียนการสอนสะเต็มศึกษาในสถานศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 2/2559 เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2559 ณ ห้องประชุม 5 ชั้น 1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมี พ.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.), ผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ผู้แทนสถาบันคีนันแห่งเอเชีย และผู้บริหารองค์กรหลัก เข้าร่วมประชุม

 

รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมในครั้งนี้ว่า เป็นการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการทั้ง 2 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรและคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดการเรียนการสอนสะเต็มในสถานศึกษา โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1) คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนสะเต็มศึกษาในสถานศึกษา

ได้กำหนดนิยามของ "สะเต็มศึกษา" ว่า เป็นแนวทางการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามารถบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กระบวนการทางวิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ไปใช้ในการเชื่อมโยงและแก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการหรือผลผลิตใหม่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 อีกทั้งคณะกรรมการฯ ได้มีการกำหนดขั้นตอนของกิจกรรมเรียนรู้ 6 ขั้นตอน ในรูปแบบของสะเต็มศึกษา ได้แก่

ขั้นที่ 1 ระบุปัญหาในชีวิตจริง/นวัตกรรมที่ต้องการพัฒนา
ขั้นที่ 2 รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง
ขั้นที่ 3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Science+Math & technology)
ขั้นที่ 4 วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา (Engineering)
ขั้นที่ 5 ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุง (Engineering)
ขั้นที่ 6 นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหา หรือผลการพัฒนานวัตกรรม

นอกจากนี้ได้ทำการพัฒนา "กิจกรรมสะเต็มศึกษา" ของนักเรียนในระดับชั้น ป.1-ม.6 ด้วยการกำหนดกิจกรรมในแต่ละภาคเรียน ซึ่ง สสวท. ได้ออกแบบคู่มือกิจกรรมสะเต็มศึกษาจำนวน 2 คู่มือ คือ "คู่มือกิจกรรมสำหรับครู" และ "คู่มือกิจกรรมสำหรับนักเรียน" โดยจัดทำเนื้อหาให้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ และกำหนดให้นักเรียนทำกิจกรรมสะเต็มศึกษาภาคเรียนละ 1 กิจกรรม โดยปรับกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีองค์ประกอบทั้ง 6 ขั้นตอนดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดของสะเต็มศึกษา ซึ่งในขณะนี้ได้ทำการปรับปรุงคู่มือกิจกรรมสะเต็มศึกษาสำหรับครูเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้จัดทำเป็นฉบับร่างเพื่อเตรียมการผลิตและเผยแพร่ให้กับครูที่จะทำการสอนสะเต็มศึกษาต่อไป

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมสะเต็มศึกษาเป็นกิจกรรมที่สามารถนำไปบรรจุไว้ในกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ได้ โดยขอให้ระบุในคู่มือว่าแต่ละขั้นตอนมีระยะเวลาในการจัดการช่วงละเท่าไร และขอให้ชี้แจงรายละเอียดอย่างชัดเจน เพื่อให้ครูผู้สอนสะเต็มศึกษาสามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง จนกระทั่งสามารถออกแบบกิจกรรมสะเต็มศึกษาได้เองในอนาคต พร้อมทั้งขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดำเนินการไม่ให้กิจกรรมสะเต็มศึกษากลายเป็นรูปแบบการทำโครงงานแบบในอดีต

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการจัดอบรมสะเต็มศึกษาให้กับครูในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการสะเต็มศึกษาเป็นระยะเวลา 3 วัน ซึ่งครูจะต้องทำการศึกษาสะเต็มศึกษาด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ด้วย โดยผู้จัดทำได้นำกิจกรรมสะเต็มศึกษาและคู่มือกิจกรรมสะเต็มศึกษาสำหรับครูเผยแพร่บนเว็บไซต์ www.stemedthailand.org พร้อมทั้งมีแผนที่จะจัดทำวีดิทัศน์การจัดกิจกรรมสะเต็มศึกษา ป.1-ม.6 ของภาคเรียนที่ 2 ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2559 รวมทั้งจัดทำคู่มือกิจกรรมสะเต็มศึกษาสำหรับครูและนักเรียนในภาคเรียนที่ 2 ช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2559

2) คณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดการเรียนการสอนสะเต็มในสถานศึกษา

ได้จัดทำโครงการขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษา ปี 2559 โดยเริ่มดำเนินการจากการคัดเลือกโรงเรียนที่เข้าร่วมขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาในปี 2559 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนินการคัดเลือกโรงเรียนในสังกัดเข้าร่วมขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาในปี 2559 เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีโรงเรียนจำนวน 2,495 แห่งเข้าร่วมการขับเคลื่อนดังกล่าว ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มโรงเรียน ประกอบด้วย

  • โรงเรียนกลุ่มเป้าหมายจากเขตพื้นที่การศึกษาเขตละ 10 โรงเรียน รวม 2,250 โรงเรียน แบ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา 1,830 แห่ง, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1,417 แห่ง และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 420 แห่ง (จากจำนวนโรงเรียนทั้งหมดมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนประชารัฐ 734 แห่งและกระจายอยู่ใน 19 กลุ่มของประชารัฐ)
  • โรงเรียนศูนย์ฝึกอบรมและให้คำปรึกษาหลักสูตรฝึกอบรมสะเต็มศึกษาในระบบออนไลน์ จำนวน 154 แห่ง อาทิ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ทั่วประเทศ
  • โรงเรียนศูนย์สะเต็มศึกษาภาค จำนวน 13 แห่ง และโรงเรียนเครือข่ายสะเต็มศึกษา จำนวน 78 แห่ง รวม 91 โรงเรียน

สำหรับหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาในปี 2559 คือ โรงเรียนต้องมีความพร้อมและสมัครใจในการเข้าร่วมโครงการโดยผู้บริหารสถานศึกษาต้องเข้ารับการฝึกอบรมเรื่องสะเต็มศึกษาจาก สพฐ., ต้องมีครูที่จบการศึกษาจาก 3 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์, มีจำนวนนักเรียน 200-1,500 คน และโรงเรียนประชารัฐที่มีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาข้างต้นครบทุกข้อจะได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาก่อนโรงเรียนที่คุณสมบัติยังไม่พร้อม

ส่วนของการดูแลโรงเรียนที่เข้าร่วมขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาในครั้งนี้ ขอให้ สสวท. ทำการจับคู่โรงเรียนกับมหาวิทยาลัย ที่จะทำหน้าที่เป็นมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยงด้านสะเต็มศึกษา นอกจากนี้ สสวท. และศูนย์สะเต็มศึกษาภาคทั่วประเทศจะร่วมกันจัด STEM Festival โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนในทุกระดับชั้นรักการเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ทั้งนี้ ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การประกวดหุ่นยนต์



ขอบคุณภาพประกอบโลโก้ จากเว็บไซต์ STEMthailand ที่มาภาพจากเว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการ

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า ขอให้คณะทำงานที่จะจัดงาน STEM Festival พิจารณารายละเอียดรูปแบบของการจัดงาน เพื่อให้ STEM Festival ไม่ใช่การประกวดสิ่งประดิษฐ์ เพราะต้องการให้เนื้อหาของงานเป็น STEM จริง ๆ อีกทั้งที่ผ่านมาคณะกรรมการทุกฝ่ายได้ดำเนินการและขับเคลื่อนสะเต็มศึกษามาได้อย่างดีแล้ว ขอให้ทำแผนกำกับและติดตามผลการดำเนินงานภายหลังการปล่อยนโยบายสะเต็มศึกษาไปแล้วด้วย และขอให้คณะทำงานทุกฝ่ายกำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนสะเต็มศึกษาในครั้งนี้ กล่าวคือ เมื่อดำเนินการจัดการเรียนการสอนแบบสะเต็มศึกษาแล้ว จะเกิดประโยชน์หรือผลดีต่อการศึกษาในด้านใดบ้างขอให้อธิบายวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน

อรพรรณ ฤทธิ์มั่น
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี : ถ่ายภาพ

 

ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 28 พฤษภาคม 2559

 


ผลประชุมคณะกรรมการนโยบาย "สะเต็มศึกษา" กระทรวงศึกษาธิการผลประชุมคณะกรรมการนโยบายสะเต็มศึกษากระทรวงศึกษาธิการ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ผลประชุม ก.พ.อ.ครั้งที่ 2/2556

ผลประชุม ก.พ.อ.ครั้งที่ 2/2556

เปิดอ่าน 8,704 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
มอบนโยบายรอง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ
มอบนโยบายรอง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ
เปิดอ่าน 10,899 ☕ คลิกอ่านเลย

สมเด็จพระเทพฯ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี
สมเด็จพระเทพฯ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี
เปิดอ่าน 5,659 ☕ คลิกอ่านเลย

 มติ ครม. 15 ตุลาคม 2555 ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
มติ ครม. 15 ตุลาคม 2555 ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
เปิดอ่าน 16,548 ☕ คลิกอ่านเลย

ผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ.  28 ตุลาคม 2556
ผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. 28 ตุลาคม 2556
เปิดอ่าน 7,613 ☕ คลิกอ่านเลย

มติ ครม.ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ (5 กันยายน2555)
มติ ครม.ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ (5 กันยายน2555)
เปิดอ่าน 11,123 ☕ คลิกอ่านเลย

เชิญร่วมโครงการ"สร้างกิจกรรมปรากฏการณ์หัวใจใหม่เพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน"
เชิญร่วมโครงการ"สร้างกิจกรรมปรากฏการณ์หัวใจใหม่เพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน"
เปิดอ่าน 7,180 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

Animation สอนภาษาอังกฤษ (การทักทาย)
Animation สอนภาษาอังกฤษ (การทักทาย)
เปิดอ่าน 42,199 ครั้ง

คุณหมอเผย 9 เทคนิคเลี้ยงลูกอย่างไรให้เรียนเก่ง
คุณหมอเผย 9 เทคนิคเลี้ยงลูกอย่างไรให้เรียนเก่ง
เปิดอ่าน 36,176 ครั้ง

หลับไม่ลง-ตื่นยาก! นาฬิกานอนเคลื่อน
หลับไม่ลง-ตื่นยาก! นาฬิกานอนเคลื่อน
เปิดอ่าน 13,637 ครั้ง

แอสเพอร์เกอร์ซินโดรม อีกหนึ่งอาการที่ไม่ควรมองข้าม
แอสเพอร์เกอร์ซินโดรม อีกหนึ่งอาการที่ไม่ควรมองข้าม
เปิดอ่าน 10,347 ครั้ง

ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคของพาฟลอฟ (Pavlov)
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคของพาฟลอฟ (Pavlov)
เปิดอ่าน 404,352 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ