โดย จุฑานันทน์ บุญทราหาญ
"เปิดเทอม" มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งหลายบ้านที่มี "เด็ก ๆ" วัยเรียน อาจกำลังประสบปัญหาลูก ๆ หลาน ๆ "ไม่อยากไปโรงเรียน" ซึ่งนี่ก็เป็นปรากฏการณ์ปกติในเด็กเล็กที่เริ่มไปโรงเรียนใหม่ ๆ รวมถึงเด็กที่ปิดเทอมมาช่วงหนึ่ง พอเปิดเทอมก็อาจออกอาการโยเยบ้าง ทั้งนี้ จะทำอย่างไรดีให้ทุกเช้าที่ต้องไปโรงเรียนของเด็ก ๆ เป็นวันที่แจ่มใสสดชื่น?? โดยที่... เด็ก ๆ อยากไปโรงเรียน??...เช้าวันใหม่ที่ต้องไปโรงเรียนของเด็ก ๆ แต่ละคน อาจจะแตกต่างกันไป สำหรับบางคนอาจเป็นฟ้าที่สดใส แต่เด็กบางคนอาจเปรียบเหมือนฟ้าที่มืดครึ้ม เมื่อเป็นเช่นนี้...มาหาวิธีทำให้การไปโรงเรียนกลายเป็นเรื่องน่าสนุกของเด็ก ๆ กันดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ก็มีหนังสือหลายเล่มหลายสำนักพิมพ์ที่ให้คำเสนอแนะ รวมถึงหนังสือของ "สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์" อย่างเล่มที่ใช้ชื่อว่า "อยากไปโรงเรียนทุกวันเลยนะเนี่ย"และอีกเล่ม "ปัญหาแค่นี้ฉันรับมือได้" ซึ่งก็เป็นการนำเสนอเรื่องดังกล่าวนี้สำหรับคุณน้อง ๆ หนู ๆ
และก็ยังเป็นกุญแจช่วยผู้ปกครองได้...
โดยสังเขป... เริ่มจากก่อนไปโรงเรียน สิ่งแรกที่ควรมีการทำคือ ต้องเตรียมความพร้อม เพื่อให้การเรียนราบรื่นไร้กังวล เช่น ตรวจสอบว่าวันพรุ่งนี้ต้องส่งการบ้านวิชาใดบ้าง? ต้องใช้อุปกรณ์การเรียนอะไรบ้าง? ก็ให้มีการทำ และจัดลงกระเป๋า ซึ่งกับกระเป๋านักเรียนนี่กับเด็กหลายคนจะหนักอึ้ง เพราะใส่ของที่ไม่ได้ใช้ในวันนั้น ๆ ไว้จนเต็ม โดยกระเป๋าหนัก ๆ นี่ทำให้ปวดไหล่ได้
เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพร่างกายเด็ก ผู้ปกครองก็ควรช่วยดูช่วยจัดของ สิ่งที่ไม่ได้ใช้ก็เอาออกจากกระเป๋าบ้าง อย่าง อุปกรณ์การเรียนที่ชำรุด หัก เสีย เศษกระดาษ ถุงขนม แต่ก็อย่าลืมตรวจดูว่าอุปกรณ์การเรียนที่ต้องใช้นั้นมีอยู่แน่ ๆ
นอกจากการเตรียมความพร้อม เช่นการจัดกระเป๋า ก็ยังมีเรื่องที่ต้องคำนึงถึงในการ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปโรงเรียนของ เด็ก ๆ คือ ต้องรับประทานมื้อเช้า เนื่องจากเป็นมื้อที่สำคัญ เป็นแหล่งพลังงานในการเรียนและทำกิจกรรมของเด็ก ๆ
ไม่ควรละเลยมื้อเช้าของเด็ก ๆ
รวมทั้ง ไม่ควรให้เด็กเข้านอนดึก เพราะจะทำให้ตื่นสาย ซึ่งการที่เด็กตื่นเช้าได้อย่างสดใส จะดีต่อการไปโรงเรียน อย่างการแต่งตัวก็มีเวลาเตรียมว่า ต้องสวมเครื่องแบบอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?เช่น ชุดลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ชุดพละ
ทั้งนี้ ทั้งการเตรียมร่างกายให้พร้อมรับการเรียนรู้ เตรียมอุปกรณ์การเรียนรู้ ตลอดจนเตรียมเรื่องการแต่งกาย เมื่อเด็กสามารถทำได้พร้อม การไปโรงเรียน การไปเรียน ก็จะราบรื่น ไม่เกิดเป็นประเด็นขาดตกบกพร่อง ผิดระเบียบ เกิดปัญหา และ...มีผลต่อการไม่อยากไปโรงเรียน
สำหรับที่โรงเรียนผู้ปกครองก็ควรพยายามช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าการเรียนไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ทำได้ไม่ยากโดยต้องเริ่มที่ใจของเด็ก โดยพยายามเปลี่ยนทัศนคติ ให้คิดว่าการไปเรียนเป็นเรื่องสนุก ได้รู้สิ่งใหม่ ๆ แถมยังมีเพื่อนเล่น แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการสนใจ เช่น จดเนื้อหาที่ครูสอน ซึ่งการจดเป็นการทบทวนสิ่งที่ครูสอนไปในตัว ทำให้จำได้แม่นยำขึ้น ช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น
การเรียนจะสนุกขึ้นถ้าน้อง ๆ ได้ อ่านมาก่อนล่วงหน้า โดยให้ความสนใจกับ หัวข้อ เป็นพิเศษ จุดนี้ผู้ปกครองก็ควรพยายามให้เด็กได้ทำ จะทำให้เด็กรู้ว่าใจความสำคัญของเรื่องที่จะเรียนนั้นเกี่ยวกับอะไรและหากพบเนื้อหาที่ไม่เข้าใจก็ให้ทำเครื่องหมายไว้ แล้วเมื่อถึงเวลาที่ครูอธิบายก็ให้ตั้งใจฟังในส่วนนั้นเป็นพิเศษ จะได้เข้าใจ หรือหากยังสงสัยก็จะได้ถามครูได้ทันที
การกล้าแสดงความคิดเห็น นี่ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในห้องเรียนให้ไม่น่าเบื่อ ที่ผู้ปกครองควรสนับสนุนเด็ก เช่น เมื่อเด็กต้องพูดต่อหน้าคนมาก ๆ ก็อาจตื่นเต้น ลืมคำที่จะพูด หรือพูดผิด ๆ ถูก ๆ ก็สนับสนุนเรื่องการเรียบเรียงคำพูดไว้ก่อน อาจจะเขียนลงในกระดาษไว้ก่อนจะได้พูดอย่างไม่ตะกุกตะกัก ราบรื่น ผ่านไปได้ด้วยดี ทำให้เด็กมีความมั่นใจ
เด็กจะ เรียนอย่างมีความสุขเมื่อรักและเคารพครู หลายคนเคยโดนครูดุ หรือตำหนิ ทำโทษ จนอาจทำให้มีความรู้สึกที่ไม่ดี จนไม่ค่อยอยากไปโรงเรียน ซึ่งจุดนี้ผู้ปกครองก็ควรต้องพยายามช่วยให้เด็กได้คิดไตร่ตรองว่าครูมีเหตุผลอะไรจึงตำหนิหรือลงโทษ? ซึ่งจะทำให้น้อง ๆ เห็นความหวังดีของครู แต่ถ้าคิดว่าตนเองไม่ได้ทำความผิดจริง ๆ ก็ต้องกล้าที่จะอธิบายให้ครูเข้าใจ
อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับการ "อยากไปโรงเรียนทุกวันเลยนะเนี่ย"ของ เด็ก ๆคือ เพื่อน ซึ่งการช่วยให้เด็กเป็นที่รักของเพื่อน ๆ ในห้องเรียน ที่โรงเรียน ทำได้โดยสอนให้ยิ้มแย้มกับเพื่อน ๆ รู้จักเข้าอกเข้าใจผู้อื่น รู้จักนึกถึงจิตใจผู้อื่น อะไรที่เราไม่ชอบก็ไม่ทำกับผู้อื่นเพราะเขาก็ไม่ชอบเช่นกัน ให้รู้จักมีน้ำใจ แบ่งปัน ช่วยเหลือเมื่อเพื่อนต้องการความช่วยเหลือ
แล้วถ้ามีเพื่อนที่มีพฤติกรรมไม่ค่อย น่าพึงประสงค์ล่ะจะทำอย่างไรดี? ในหนังสือ "ปัญหาแค่นี้ฉันรับมือได้" ของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์ ก็แนะนำไว้ ซึ่งผู้ปกครองก็ควรช่วยให้เด็กได้เข้าใจ อย่างถ้าเพื่อนมีเหตุผลที่ต้องเป็นอย่างนั้น ก็ต้องเข้าใจ ไม่โกรธ และหากช่วยเพื่อนได้ก็ช่วย เช่น ถ้าเป็นเพราะเพื่อนไม่เข้าใจตอนเรียน ก็ช่วยกันทบทวนเนื้อหาการเรียน เป็นต้น
เลิกเรียนแล้ว... ก่อนกลับจากโรงเรียนสิ่งที่เด็ก ๆ ไม่อยากได้แต่ต้องรับมา ก็คือ การบ้าน ซึ่งก็ควรส่งเสริมให้เด็ก มีเทคนิครับมือกับการบ้าน รู้จักใช้วิธีที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถพิชิตการบ้านได้ จะได้ไม่เกิดอาการโยเยไม่อยากไปโรงเรียน
อย่างคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่เด็กหลายคนมักไม่ปลื้ม กับการเรียน และการบ้าน ที่ว่ายากแสนยาก ก็สามารถจะง่ายขึ้นได้ถ้าส่งเสริมให้เด็กได้หมั่นฝึกฝน มีการคิดทีละขั้นตอน เช่น อันดับแรกดูว่าเป็นโจทย์ประเภทใด? ต้องใช้สูตรคำนวณอย่างไร? มีกฎการคำนวณเพื่อให้ง่ายขึ้นในการหาคำตอบหรือไม่อย่างไร? หรือวิชาที่ต้องแสดงความคิดเห็น ก็ส่งเสริมให้น้อง ๆ รู้จักหาข้อสรุปออกมาเป็นข้อ ๆ เขียนคร่าว ๆ ไว้ก่อนว่าคิดเห็นอย่างไร แล้วก็อ่านซ้ำและแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน จะได้มีความสมบูรณ์ขึ้นทั้งนี้ เมื่อเด็กขยันเรียน มีความกระตือรือร้นอยากไปโรงเรียน การให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเด็กบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพียงแต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมไม่กลายเป็นการสร้างลักษณะนิสัยอันไม่พึงประสงค์ให้กับเด็ก."ทำอย่างไรให้เด็ก ๆ อยากไปโรงเรียน??" โจทย์นี้ "คำตอบสำคัญอยู่ที่ตัวเด็กเอง" ที่ต้องมีความรู้สึกที่ดีและมีความสุขกับการไปโรงเรียน กระนั้น "พ่อแม่ผู้ปกครองก็ต้องเป็นกองหนุน" ช่วยให้เด็กรู้สึกดี มีความสุข สนุก...
"อยากไปโรงเรียนทุกวัน".
"คำตอบสำคัญอยู่ที่ตัวเด็กเอง"
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 26 พ.ค. 2559 (กรอบบ่าย)