Advertisement
...ไม่รู้ว่าตกข่าว...หรือข่าวตก..เอาน่ะ..ไงก็..อาจจะมีคนที่ยังไม่ได้รับการสื่อสารข่าวนี้ก็ได้นะคะ...
หากว่าทราบแล้ว...ก็ขออภัย..รู้ไว้อีกที...คราวนี้จำแม่นไม่ลืม...
|
ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกยางพาราจำนวนมาก พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคใต้ล้วนเป็นพื้นที่ปลูกยางพารา
ปัจจุบันได้ขยายไปสู่หลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำยางพาราในอันดับต้นๆของโลก นักวิจัยไทยมีความพยายามคิดค้นการเสริมสร้างศักยภาพของน้ำยางพาราให้มากไปกว่าการที่จะเป็นแค่น้ำยางพาราอย่างเดียว ถ้าทำได้สำเร็จ เราจะไม่ส่งแค่วัตถุดิบยางพารา แต่เราพัฒนายางพาราไปอีกขั้นเพื่อเพิ่มมูลค่า
หลายคนอาจไม่เชื่อ หากจะบอกว่าอนาคตอันใกล้นี้ น้ำยางพาราจะทำให้เราหน้าขาวได้ เพราะนักวิจัยไทยได้คิดค้นสกัดสารบางอย่างจากน้ำยางพาราที่ทำให้หน้าขาวได้ ที่สำคัญนี่จะเป็นผลิตภัณฑ์หน้าขาวครั้งแรกของโลกที่ทำมาจากธรรมชาติ
|
|
|
รศ.ดร.รพีพรรณ วิทิตสุวรรณกุล ภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่
คือหัวหน้าวิจัยงานดังกล่าว ได้เอ่ยถึงที่มาของโครงการวิจัยครีมหน้าขาวจากสารสกัดน้ำยางพาราว่า เริ่มต้นมาจาก นพ.ธงชัย ทวิชาชาติ เจ้าหน้าที่บริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของไทย (TCELS) ที่ให้เอาสารสกัดจากธรรมชาติ
โดยให้ใช้วัตถุดิบในประเทศมาใช้ประโยชน์ เนื่องจากเราเห็นว่าสารสกัดจากธรรมชาตินั้นไม่ก่อให้เกิดพิษไม่เหมือนกับสารสกัดอื่นๆ อย่างที่มีข่าวว่า "ไฮโดรควิโนน" เป็นสารพิษที่ทำให้เกิดใบหน้าด่างขาวมากไป มีพิษต่อเซลล์ แต่ถ้าหากใช้สารจากธรรมชาติโดยปกติจะไม่มีพิษหรือน้อยมาก ถ้าไม่ใช้ในปริมาณมาก หรือความเป็นกรดอย่างแรงก็จะไม่เป็นพิษ
|
|
สาเหตุที่ใช้ยางพาราเพราะเห็นว่ามีสารที่ต่อต้านกระบวนการออกซิเดชัน เป็นวัตถุที่ทำให้เกิดเม็ดสี
ทั้งนี้เราได้มีการทดลองกับสัตว์ทดลองในห้องLAB พบว่าใช้ได้ผลและมีฤทธิ์เช่นนั้นจริง แต่ความน่าเชื่อถือก็ยังมีไม่มาก จึงต้องทำการทดลองกับอาสาสมัครต่อไป ดร.รพีพรรณกล่าว
สำหรับผลการทดลองในห้องLAB นั้น ดร.รพีพรรณ เปิดเผยว่า สามารถเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง คือเชื่อแล้วว่าสารสกัดจากยางพารามีสารต้านไม่ทำให้เกิดสีผิวเข้ม ซึ่งกระบวนการที่จะทำให้สีผิวเข้มนั้นมี 2 กระบวนการ
โดยสารที่สกัดมาสามารถยับยั้งได้ คือ
1.การยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี
2.ไม่ให้เกิดการขนถ่ายของเม็ดสี อย่างไรก็ตามทั้งหมดยังอยู่ในช่วงของการทดลอง แต่คาดว่าประมาณ 2 เดือนน่าจะทราบผลที่แน่ชัด
|
|
|
ส่วนผลข้างเคียงนั้น จากการทดลองกับสัตว์อื่นที่นอกจากหมูพื้นเมืองที่มีผิวคล้ายมนุษย์มากที่สุดแล้ว
ก็พบว่าไม่เกิดการแพ้ใดๆ อย่างในการทดลองกับกระต่ายที่มีผิวแพ้ง่าย ก็ไม่เกิดการแพ้ ในหนูเมื่อให้รับประทานก็ไม่ตาย จึงเชื่อว่าผลข้างเคียงที่จะทำให้เกิดการแพ้นั้นน่าจะไม่เกิดขึ้น ส่วนระยะเวลาที่จะเห็นผลจากการทดลองกับสัตว์ ใน 8 สัปดาห์ก็สามารถเห็นผลได้ชัดเจนแล้ว แต่ในมนุษย์นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเซลล์ผิวของแต่ละบุคคลซึ่งต่างกัน ในคนผิวขาวซึ่งมีเม็ดสีน้อยก็จะได้ผลเร็วกว่าผู้ที่มีสีผิวคล้ำ ระยะเวลาจึงไม่แน่นอนซึ่งต้องพิสูจน์ต่อไป
ขณะเดียวกันนอกเหนือจากคุณสมบัติในการรักษาใบหน้าที่หมองคล้ำแล้ว ยังอาจใช้ร่วมกับส่วนอื่นๆของร่างกายได้ด้วย โดย ดร.รพีพรรณ ระบุว่า เราอาจใช้ร่วมกับส่วนอื่นๆได้ แต่โดยเบื้องต้นเราทำออกมาเป็นครีมทาหน้า
ซึ่งต่อไปก็อาจเป็นสบู่ และอื่นๆ คือสามารถใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย แต่ก็ต้องทำการทดลองต่อไปอีก สำหรับการรักษาอื่นๆ เช่น สิวหรือฝ้า สามารถใช้ได้ผลหรือไม่นั้น สำหรับฝ้าก็จัดอยู่ในแผนของการวิจัยของเราด้วย แต่เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละบุคคลเหล่านั้นจะต่างจากคนปกติทั่วไป เราจึงต้องร่วมกับแพทย์ผิวหนังให้ทดลองกับคนไข้ที่มีฝ้ากระด่างดำว่า ได้ผลอย่างไร เป็นแผนที่เราจะดำเนินต่อไปจากนี้
|
|
การวิจัยของเราได้รับทุนสนับสนุนจาก TCELS ประมาณ 5 ล้านบาท โดยทำการวิจัยร่วมกันหลายฝ่ายจากนักศึกษาปริญญาเอกและนักวิจัยอื่นๆมากมาย
คู่แข่งของเราในต่างประเทศก็มีมากอย่าง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เพราะเขาก็มียางพารามากเช่นกัน จึงไม่อาจเปิดเผยได้มากต้องรอในเรื่องของสิทธิบัตรต่อไป
แต่โดยสรุปคือ แผนการดำเนินงานของเราร่วมกับ TCELS คือ ทดสอบประสิทธิภาพในห้องปฏิบัติการ ผลิตในระดับกึ่งอุตสาหกรรม ทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร ซึ่งเรากำลังอยู่ในขั้นตอนนี้ หลังจากนั้นจึงจะผลิตในระดับอุตสาหกรรมเพื่อจัดจำหน่ายต่อไป”ดร.รพีพรรณเอ่ยถึงการดำเนินงาน
|
|
|
ด้าน นพ.ธงชัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดครีมหน้าขาวในประเทศไทยมีมูลค่าถึงปีละ 25,000 ล้านบาท
การค้นพบสารสกัดจากน้ำยางพาราที่มีคุณสมบัติลดความเข้มข้นของสีผิวจะช่วยเสริมศักยภาพยางพาราในบ้านเราได้
“ประเทศไทยมียางพาราจำนวนมากและส่งออกไปทั่วโลก ทั้งนโยบายรัฐบาลยังส่งเสริมการปลูกยางพาราในหลายๆพื้นที่ ทำให้เรามีวัตถุดิบในด้านนี้เหลือเฟือ ขณะเดียวกันการค้นพบตรงนี้ยังช่วยต่อยอดศักยภาพของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี คาดว่าภายใน 6 เดือน ไทยจะมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นครั้งแรกของโลกในการช่วยลดความเข้มข้นของสีผิว ด้วยสารสกัดที่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่สารปรุงแต่ง”
นพ.ธงชัย ระบุถึงการทำงานของ TCELS ร่วมกับนักวิจัยว่า TCELS ได้บรรจุโครงการครีมหน้าขาวจากน้ำยางพาราไว้เป็นโครงการที่สำคัญ จุดเด่นของโครงการนี้คือ เป็นการสกัดจากน้ำยางพาราที่หาได้ง่ายและมีราคาถูก ซึ่งแก้ปัญหาที่ต้นทางคือยับยั้งการขนถ่ายเม็ดสีขึ้นสู่ผิวหนัง ไม่ก่อให้เกิดฝ้าเหมือนผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ในตลาด ทั้งยังมีคุณสมบัติลดการอักเสบของผิวหนังด้วย
แหล่งที่มา : Health Today |
|
วันที่ 10 เม.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,154 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,162 ครั้ง เปิดอ่าน 7,135 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,152 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 23,406 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,796 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,704 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,511 ครั้ง |
เปิดอ่าน 111,154 ครั้ง |
|
|