สถานี ก.ค.ศ.
การประชุมสัมมนาฯ กศจ. ภาคกลาง
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน ตามที่ได้นำเสนอกำหนดการจัดประชุมสัมมนาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใน กศจ. ไปในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วนั้น เมื่อวันที่ 14 – 15 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้จัดให้มีการประชุมสัมมนาฯ กศจ. ในภูมิภาค ภาคกลาง รวม 25 จังหวัด เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยมี รศ.นพ. กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมพร้อมนำนโยบายของ พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มาสร้างความเข้าใจให้กับผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน เพื่อการเดินหน้าในการร่วมมือกันสร้างระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่แท้จริง พันเอก ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บรรยายในเรื่องการบูรณาการแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการไปสู่แนวปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ การประชุมได้เน้นถึงการสร้างความเข้าใจในนโยบายเพื่อให้เกิดการบูรณาการ ซึ่งส่งผลต่อการบริหารงานของ กศจ. ที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส เกิดประโยชน์โดยตรงต่อวงการศึกษาไทยที่เป็นรูปธรรม
เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้สนใจทุกท่านได้รับทราบผลการประชุมสัมมนาฯ กศจ. ในภาคกลาง สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงสรุปประเด็นสำคัญในการประชุมมาเพื่อเผยแพร่ให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจน ถูกต้อง ตรงกัน คือ กศจ. มีหน้าที่สำคัญหลัก 2 ประการ ได้แก่ การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมีศึกษาธิการภาค และศึกษาธิการจังหวัดเป็นหลักในเรื่องกระบวนการ ทั้งในเรื่องการสรรหา การบรรจุแต่งตั้ง การย้ายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยเน้นในเรื่องที่ต้องแก้ไข คือ การบรรจุครูต้องสอดคล้องกับความต้องการของสถานศึกษา ถ้าบรรจุโดยไม่สอดคล้องกับความต้องการ ผลที่ตามมาคือครูทำงานไม่เต็มที่ในโรงเรียนและโรงเรียนไม่อยากได้ครู แต่ถ้าครูได้บรรจุในโรงเรียนที่ต้องการ ครูก็จะไม่อยากย้ายโรงเรียนซึ่งโรงเรียนจะได้ครูตามต้องการส่งผลให้การเรียนการสอนดีตามไปด้วยและหน้าที่หลักที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการบูรณาการแผนการศึกษาจังหวัด ต้องได้รับความร่วมมือทั้งภาคราชการและภาคเอกชนในเบื้องต้น กศจ. ต้องมีข้อมูลโรงเรียน จำนวนโรงเรียน คุณภาพของโรงเรียน ที่ตั้ง และจำนวนครูโดย กศจ. ต้องนำข้อมูลมาเขียนแผนว่าจะพัฒนาโรงเรียนแต่ละแห่งอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องพัฒนาผลการศึกษาในจังหวัดให้มีการพัฒนาไปในทางที่ดียิ่งขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ให้หมายรวมถึงโรงเรียนในสังกัดอื่น เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนเทศบาล โรงเรียนเอกชน ก็ต้องบูรณาการร่วมกันสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางการศึกษา
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้แลกเปลี่ยนความคิดและเสนอแนะในประเด็นการแสวงหาผลประโยชน์จากการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม ทั้งในเรื่องการย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การประเมินวิทยฐานะ เพื่อเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานของ กศจ. ซึ่งในการประชุมสัมมนาฯ ครั้งต่อไป จะจัดขึ้นในภาคเหนือ วันที่ 28 - 29 พฤษภาคม 2559 ณ โรงแรมคุ้มภูคำ จังหวัดเชียงใหม่
พินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ ที่ 23 พฤษภาคม 2559