17 พ.ค. 59 – สปท.มีมติ 158 เสียง เห็นชอบรายงานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เสนอพัฒนาครูให้มีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นสอนผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองหลังผลการทดสอบ O-NET มีแนวโน้มลดต่ำลง
ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีมติเห็นชอบรายงานของคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เรื่อง การพัฒนาครู: กรณีการแก้ปัญหาวิกฤตผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มีแนวโน้มลดต่ำลง ด้วยคะแนนเสียง 158 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 3 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุม 161 คน
ด้านนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธาน กมธ. พร้อมคณะ กล่าวว่า หลักสูตรการศึกษาของไทยที่ผ่านมายังไม่สามารถสร้างความเข้าใจให้ครูผู้ปฏิบัติได้ เนื่องจากครูส่วนใหญ่ยังจัดการเรียนการสอนที่เน้นการบรรยายลักษณะ Passive Learning เป็นส่วนใหญ่ กิจกรรมที่ส่งเสริม Active Learning มีน้อยมาก ผลที่เกิดกับผู้เรียนจึงเป็นเพียงการจำหรือทำตามที่ครูบอกเป็นหลัก และจากผลการวิจัยของสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) พบว่า ปัญหาระบบการศึกษาไทยเกิดจากการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เห็นได้จากผลคะแนนการทดสอบมาตรฐานของนักเรียนไทยทั้งในระดับประเทศและนานาชาติมีแนวโน้มต่ำลง ทั้งที่มีการทุ่มเทงบประมาณด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า ดังนั้นจึงต้องพัฒนาครูให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการกำหนดหลักสูตรการพัฒนาครูแนวใหม่ มุ่งเน้นให้ครูได้ลงมือปฏิบัติจริง สามารถนำกระบวนการเรียนรู้นำไปใช้จริงได้ พร้อมกระตุ้นให้ครูมีกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยกันคิด ตามหลักการของชุมชนการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ หรือผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่จัดตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะเชื่อมโยงเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในชุมชน
ทั้งนี้การพัฒนาครูทุกคนต้องมีการอบรมในรูปแบบดังกล่าวอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ส่วนครูบรรจุใหม่ ครูจ้างสอน ต้องผ่านการอบรมไม่น้อยกว่า 1 ภาคเรียน พร้อมจัดตั้งศูนย์พัฒนาครูประจำจังหวัด จังหวัดละ 1 ศูนย์ ขณะเดียวกันต้องพัฒนาสื่อการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนครูในการจัดการเรียนการสอนด้วย พร้อมทั้งต้องมีระบบการนิเทศติดตามและพัฒนาการทำงานของครูในชั้นเรียน การเรียนรู้และพัฒนาจากเพื่อนครูและการพัฒนาครูโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน เพื่อเน้นการสอนของครูให้น้อยลงและให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และนำมาปฏิบัติด้วยตนเองมากขึ้น
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
ที่มา สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา วันที่ 17 พฤษภาคม 2559 เวลา 11.45 น.